การหาชื่อเรื่องให้กับเนื้อเรื่องที่อ่าน(2)
จาก ChulaPedia
ทำไมจึงต้องหาชื่อเรื่อง
ดังกล่าวมาแล้วว่า โดยปกติ ผู้เขียนจะตั้งชื่อเรื่องมาแล้ว และเราไม่ต้องคิดหาชื่อเรื่องให้สิ่งที่เราอ่าน อย่างไรก็ดี ในการฝึกทักษะการอ่านโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการอ่านเพื่อความเข้าใจ และจับใจความ วิธีทดสอบว่าผู้อ่านเข้าใจหรือไม่ คือการให้ตอบคำถามที่ว่า ชื่อเรื่องที่ดีที่สุดของเรื่องที่อ่านน่าจะเป็นชื่อใด นั่นเอง ดังนั้น ถ้าเราเลือกชื่อเรื่องได้ถูกต้อง หรือตั้งชื่อที่เหมาะสมให้ได้ ก็แสดงว่า เรามีความรู้ทางภาษา และเข้าใจสิ่งที่เราอ่าน
จะหาชื่อเรื่องได้อย่างไร
การหาชื่อเรื่อง คือการสรุปสั้นๆว่า เรื่องที่เราอ่านนั้นเป็นเรื่องอะไร ถ้าเราเข้าใจสิ่งที่เราอ่าน และสามารถจับใจความสำคัญๆได้ เราจะสามารถบอกได้ แบบทดสอบการอ่านส่วนมาก มักจะมีชื่อเรื่องต่างๆมาให้เลือก ข้อควรระวัง มีอยู่ที่ว่า บางครั้ง เราอาจจะเลือกชื่อเรื่องที่กว้างเกินไป ถึงแม้จะมีส่วนถูกก็ตาม หรือในทางตรงกันข้าม เราอาจจะเลือกชื่อเรื่องที่แคบเกินไป ถึงแม้จะเป็นข้อความที่ถูก เพราะมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อหาเท่านั้น แต่ไม่ได้ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด
ในการอ่านระดับเบื้องต้น การหาชื่อเรื่อง อาจจะสังเกตได้จากการที่ผู้เขียนกล่าวถึงหัวข้อนั้น สิ่งนั้น หรือเรื่องนั้นบ่อยๆ เช่น ในตัวอย่างต่อไปนี้
I have a dog. It’s called Spot. I love it very much. It’s very smart. I play with it every day.
จะเห็นว่า มีคำว่า it ปรากฏบ่อยๆ ดังนั้น จึงน่าจะสรุปได้ว่า ผู้เขียนพูดถึง it และเมื่อขยายความว่า it คืออะไร ก็น่าจะได้คำตอบว่า it คือ my dog หรือสุนัขของฉันนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ในระดับที่สูงขึ้น ผู้เขียนอาจใช้คำ สำนวน หรือโครงสร้างทางภาษาที่หลากหลายมากขึ้น ผู้อ่านจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น จึงจะสามารถสรุปได้ว่าอ่านเรื่องอะไรไป ซึ่งผู้อ่านจะทำได้ดีก็ด้วยการอ่านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางด้านศัพท์ สำนวน โครงสร้างทางภาษา และการคิดทำความเข้าใจสิ่งที่อ่านจนสามารถสรุปรวบยอดได้ในที่สุด
ในการเลือกชื่อเรื่องที่มีมาให้เลือก อย่างหนึ่งที่ต้องระวัง คือ ไม่หุนหันเลือกข้อใดข้อหนึ่งทันทีที่เห็นว่า ในข้อนั้น มีคำหรือวลีที่ปรากฏอยู่ในบทความด้วย เพราะอาจเป็นเพียงเนื้อหาหรือรายละเอียดส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ได้เป็นชื่อที่จะครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดของบทความ