ชาวเล

จาก ChulaPedia

(ความแตกต่างระหว่างรุ่นปรับปรุง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น
แถว 2: แถว 2:
'''อูรักลาโว้ย มอแกลน และมอแกน'''
'''อูรักลาโว้ย มอแกลน และมอแกน'''
ผู้เชี่ยวชาญทะเลแห่งเกาะและชายฝั่งอันดามัน
ผู้เชี่ยวชาญทะเลแห่งเกาะและชายฝั่งอันดามัน
-
[[ไฟล์:cusri_image001.jpg|200px|thumb|left|ลักษณะบ้านแบบดั้งเดิมของชาวมอแกน ถ่ายเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2547 ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์]]
+
[[ไฟล์:cusri_image001.png|200px|thumb|left|ลักษณะบ้านแบบดั้งเดิมของชาวมอแกน ถ่ายเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2547 ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์]]
คนในสังคมไทยรวมทั้งสังคมโลกได้รู้จักกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่เรียกว่า “ชาวเล” มากขึ้นหลังจากที่เกิดคลื่นยักษ์เมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 และเราก็คงได้รับรู้แล้วว่าชาวเลกลุ่มชาติพันธุ์ย่อยทั้งสามกลุ่มคือมอแกน มอแกลน และอูรักลาโว้ย มีปัญหาร่วมกันกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบอีกหลายกลุ่ม คือ การขาดความมั่นใจและภูมิใจในวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม การขาดการสืบทอดความรู้พื้นบ้าน การถูกกีดกันออกจากสิทธิในการใช้และเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ การถูกดูแคลนจากบุคคลที่ไม่เข้าใจในวิถีวัฒนธรรมแบบ “ชาวเล” และที่สำคัญก็คือการขาดความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาอื่นๆ อีก เช่น การขาดแคลนด้านสาธารณูปโภค การขาดแคลนพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียวบริเวณชุมชน การขยายตัวของบ้านเรือนอย่างไร้ทิศทาง  ความแออัดของพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ฯลฯ
คนในสังคมไทยรวมทั้งสังคมโลกได้รู้จักกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่เรียกว่า “ชาวเล” มากขึ้นหลังจากที่เกิดคลื่นยักษ์เมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 และเราก็คงได้รับรู้แล้วว่าชาวเลกลุ่มชาติพันธุ์ย่อยทั้งสามกลุ่มคือมอแกน มอแกลน และอูรักลาโว้ย มีปัญหาร่วมกันกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบอีกหลายกลุ่ม คือ การขาดความมั่นใจและภูมิใจในวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม การขาดการสืบทอดความรู้พื้นบ้าน การถูกกีดกันออกจากสิทธิในการใช้และเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ การถูกดูแคลนจากบุคคลที่ไม่เข้าใจในวิถีวัฒนธรรมแบบ “ชาวเล” และที่สำคัญก็คือการขาดความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาอื่นๆ อีก เช่น การขาดแคลนด้านสาธารณูปโภค การขาดแคลนพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียวบริเวณชุมชน การขยายตัวของบ้านเรือนอย่างไร้ทิศทาง  ความแออัดของพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ฯลฯ
ภัยพิบัติสึนามิ นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สาธารณชนรับรู้ถึงชะตากรรมและความเป็นอยู่ของพี่น้องร่วมชาติที่เป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเลมากขึ้น คนไทยส่วนหนึ่งไม่เคยทราบว่ามีกลุ่มคนที่เรียกกันว่า “ชาวเล” ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวิถีชีวิต ภาษา วิถีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับทะเล และมีชื่อเฉพาะที่เรียกกลุ่มของตนเองว่า    “มอแกน” (ชาวเลที่เกาะเหลา เกาะพยามและเกาะสินไหในจังหวัดระนอง หมู่เกาะสุรินทร์ ในจังหวัดพังงา) “มอแกลน” (ชาวเลที่เกาะพระทอง และหมู่บ้านชายฝั่งทะเลกว่ายี่สิบหมู่บ้านในจังหวัดพังงา และภูเก็ต) และ “อูรักลาโว้ย” (ชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล) คนไทยอีกส่วนหนึ่งรู้จักกลุ่มชาติพันธุ์นี้ในชื่อของ “ไทยใหม่”  
ภัยพิบัติสึนามิ นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สาธารณชนรับรู้ถึงชะตากรรมและความเป็นอยู่ของพี่น้องร่วมชาติที่เป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเลมากขึ้น คนไทยส่วนหนึ่งไม่เคยทราบว่ามีกลุ่มคนที่เรียกกันว่า “ชาวเล” ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวิถีชีวิต ภาษา วิถีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับทะเล และมีชื่อเฉพาะที่เรียกกลุ่มของตนเองว่า    “มอแกน” (ชาวเลที่เกาะเหลา เกาะพยามและเกาะสินไหในจังหวัดระนอง หมู่เกาะสุรินทร์ ในจังหวัดพังงา) “มอแกลน” (ชาวเลที่เกาะพระทอง และหมู่บ้านชายฝั่งทะเลกว่ายี่สิบหมู่บ้านในจังหวัดพังงา และภูเก็ต) และ “อูรักลาโว้ย” (ชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล) คนไทยอีกส่วนหนึ่งรู้จักกลุ่มชาติพันธุ์นี้ในชื่อของ “ไทยใหม่”  
-
[[ไฟล์:cusri_image002.jpg|200px|thumb|left|แผนที่แสดงการกระจายตัวของชุมชนชาวเลโดยสังเขป]]
+
[[ไฟล์:cusri_image002.png|200px|thumb|left|แผนที่แสดงการกระจายตัวของชุมชนชาวเลโดยสังเขป]]
แม้ว่าชาวเลจะเป็นคนพื้นเมือง เป็นผู้อยู่อาศัยแต่ดั้งเดิมในบริเวณชายฝั่งทะเลแถบนี้ และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางทะเลที่ยึดการเก็บหาสัตว์ทะเลและพืชผักต่างๆ ในป่าเพื่อการยังชีพในอดีต แต่ในบางท้องถิ่นชาวเลกลับไม่ได้รับการยอมรับ หลายพื้นที่ในอดีต คำว่า “ชาวเล” เป็นคำที่มักจะใช้ในทางลบ คือใช้เรียกคนที่ละเลยเรื่องอนามัยและความสะอาด ไม่เอาใจใส่การเล่าเรียน หรือคนที่จับจ่ายใช้สอยจนไม่มีเงินเหลือเก็บ การเรียกเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างภาพลักษณ์ด้านลบที่หยุดนิ่งตายตัว และการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีวัฒนธรรมและลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของชาวเล จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวเลส่วนใหญ่ในปัจจุบันยินดีที่จะถูกเรียกว่า “ไทยใหม่” มากกว่า “ชาวเล”
แม้ว่าชาวเลจะเป็นคนพื้นเมือง เป็นผู้อยู่อาศัยแต่ดั้งเดิมในบริเวณชายฝั่งทะเลแถบนี้ และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางทะเลที่ยึดการเก็บหาสัตว์ทะเลและพืชผักต่างๆ ในป่าเพื่อการยังชีพในอดีต แต่ในบางท้องถิ่นชาวเลกลับไม่ได้รับการยอมรับ หลายพื้นที่ในอดีต คำว่า “ชาวเล” เป็นคำที่มักจะใช้ในทางลบ คือใช้เรียกคนที่ละเลยเรื่องอนามัยและความสะอาด ไม่เอาใจใส่การเล่าเรียน หรือคนที่จับจ่ายใช้สอยจนไม่มีเงินเหลือเก็บ การเรียกเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างภาพลักษณ์ด้านลบที่หยุดนิ่งตายตัว และการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีวัฒนธรรมและลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของชาวเล จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวเลส่วนใหญ่ในปัจจุบันยินดีที่จะถูกเรียกว่า “ไทยใหม่” มากกว่า “ชาวเล”
หลังจากที่สื่อนำเสนอข่าวของชาวเลกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มคนที่เป็นกลุ่มชายขอบเหล่านี้เป็นที่รู้จักและมีผู้ติดตามความเคลื่อนไหวมากขึ้น ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับมีจิตสำนึกในการเป็นสื่อมวลชนเพื่อสังคม ได้พยายามเกาะติดและนำเสนอปัญหาความมั่นคงของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะเรื่องสัญชาติ (สำหรับกลุ่มมอแกน) เพราะความไร้สัญชาติและไร้รัฐเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เนื่องจากการไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย การไม่ได้รับบริการพื้นฐานหลายอย่าง
หลังจากที่สื่อนำเสนอข่าวของชาวเลกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มคนที่เป็นกลุ่มชายขอบเหล่านี้เป็นที่รู้จักและมีผู้ติดตามความเคลื่อนไหวมากขึ้น ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับมีจิตสำนึกในการเป็นสื่อมวลชนเพื่อสังคม ได้พยายามเกาะติดและนำเสนอปัญหาความมั่นคงของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะเรื่องสัญชาติ (สำหรับกลุ่มมอแกน) เพราะความไร้สัญชาติและไร้รัฐเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เนื่องจากการไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย การไม่ได้รับบริการพื้นฐานหลายอย่าง
-
[[ไฟล์:cusri_image003.jpg|200px|thumb|left|บ้านชาวอูรักลาโว้ยที่ชุมชนแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน]]
+
[[ไฟล์:cusri_image003.png|200px|thumb|left|บ้านชาวอูรักลาโว้ยที่ชุมชนแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน]]
คนนอกที่ได้มีโอกาสรู้จักสนิทสนมกับชาวเลจะทราบดีว่าชาวเลส่วนใหญ่มีส่วนดีๆ ที่มักจะไม่ได้รับการกล่าวอ้างถึงอยู่มาก นอกจากเป็นคนที่รักพวกพ้อง อ่อนน้อมถ่อมตัว และไม่ละโมบโลภมากแล้ว ชาวเลมักจะไม่เกี่ยงงานหนัก งานที่ต้องลงแรงกาย ตรากตรำกรำแดดฝน ลักษณะเช่นนี้น่าจะเป็นที่ยกย่องมากกว่าการเป็นเจ้าของทรัพย์ศฤงคาร มียศตำแหน่ง ฝักใฝ่อำนาจ เช่นที่เรายกย่องเชิดชูกันในสังคมปัจจุบัน นอกจากนั้น ชาวเลทุกกลุ่มยังมีความรู้พื้นบ้านเกี่ยวกับทะเล มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเดินเรือ การสร้างเรือ การเก็บหาสัตว์ทะเล ความรู้นี้ทำให้ชาวเลอยู่กับทะเลได้อย่างสมดุลมานับร้อยๆ ปี  
คนนอกที่ได้มีโอกาสรู้จักสนิทสนมกับชาวเลจะทราบดีว่าชาวเลส่วนใหญ่มีส่วนดีๆ ที่มักจะไม่ได้รับการกล่าวอ้างถึงอยู่มาก นอกจากเป็นคนที่รักพวกพ้อง อ่อนน้อมถ่อมตัว และไม่ละโมบโลภมากแล้ว ชาวเลมักจะไม่เกี่ยงงานหนัก งานที่ต้องลงแรงกาย ตรากตรำกรำแดดฝน ลักษณะเช่นนี้น่าจะเป็นที่ยกย่องมากกว่าการเป็นเจ้าของทรัพย์ศฤงคาร มียศตำแหน่ง ฝักใฝ่อำนาจ เช่นที่เรายกย่องเชิดชูกันในสังคมปัจจุบัน นอกจากนั้น ชาวเลทุกกลุ่มยังมีความรู้พื้นบ้านเกี่ยวกับทะเล มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเดินเรือ การสร้างเรือ การเก็บหาสัตว์ทะเล ความรู้นี้ทำให้ชาวเลอยู่กับทะเลได้อย่างสมดุลมานับร้อยๆ ปี  

การปรับปรุง เมื่อ 08:51, 19 เมษายน 2554

“ชาวเล” อูรักลาโว้ย มอแกลน และมอแกน ผู้เชี่ยวชาญทะเลแห่งเกาะและชายฝั่งอันดามัน

ลักษณะบ้านแบบดั้งเดิมของชาวมอแกน ถ่ายเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2547 ณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

คนในสังคมไทยรวมทั้งสังคมโลกได้รู้จักกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่เรียกว่า “ชาวเล” มากขึ้นหลังจากที่เกิดคลื่นยักษ์เมื่อปลายปี พ.ศ. 2547 และเราก็คงได้รับรู้แล้วว่าชาวเลกลุ่มชาติพันธุ์ย่อยทั้งสามกลุ่มคือมอแกน มอแกลน และอูรักลาโว้ย มีปัญหาร่วมกันกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบอีกหลายกลุ่ม คือ การขาดความมั่นใจและภูมิใจในวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิม การขาดการสืบทอดความรู้พื้นบ้าน การถูกกีดกันออกจากสิทธิในการใช้และเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ การถูกดูแคลนจากบุคคลที่ไม่เข้าใจในวิถีวัฒนธรรมแบบ “ชาวเล” และที่สำคัญก็คือการขาดความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาอื่นๆ อีก เช่น การขาดแคลนด้านสาธารณูปโภค การขาดแคลนพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียวบริเวณชุมชน การขยายตัวของบ้านเรือนอย่างไร้ทิศทาง ความแออัดของพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ฯลฯ

ภัยพิบัติสึนามิ นับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้สาธารณชนรับรู้ถึงชะตากรรมและความเป็นอยู่ของพี่น้องร่วมชาติที่เป็นผู้คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเลมากขึ้น คนไทยส่วนหนึ่งไม่เคยทราบว่ามีกลุ่มคนที่เรียกกันว่า “ชาวเล” ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวิถีชีวิต ภาษา วิถีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับทะเล และมีชื่อเฉพาะที่เรียกกลุ่มของตนเองว่า “มอแกน” (ชาวเลที่เกาะเหลา เกาะพยามและเกาะสินไหในจังหวัดระนอง หมู่เกาะสุรินทร์ ในจังหวัดพังงา) “มอแกลน” (ชาวเลที่เกาะพระทอง และหมู่บ้านชายฝั่งทะเลกว่ายี่สิบหมู่บ้านในจังหวัดพังงา และภูเก็ต) และ “อูรักลาโว้ย” (ชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรังและสตูล) คนไทยอีกส่วนหนึ่งรู้จักกลุ่มชาติพันธุ์นี้ในชื่อของ “ไทยใหม่”

แผนที่แสดงการกระจายตัวของชุมชนชาวเลโดยสังเขป

แม้ว่าชาวเลจะเป็นคนพื้นเมือง เป็นผู้อยู่อาศัยแต่ดั้งเดิมในบริเวณชายฝั่งทะเลแถบนี้ และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางทะเลที่ยึดการเก็บหาสัตว์ทะเลและพืชผักต่างๆ ในป่าเพื่อการยังชีพในอดีต แต่ในบางท้องถิ่นชาวเลกลับไม่ได้รับการยอมรับ หลายพื้นที่ในอดีต คำว่า “ชาวเล” เป็นคำที่มักจะใช้ในทางลบ คือใช้เรียกคนที่ละเลยเรื่องอนามัยและความสะอาด ไม่เอาใจใส่การเล่าเรียน หรือคนที่จับจ่ายใช้สอยจนไม่มีเงินเหลือเก็บ การเรียกเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสร้างภาพลักษณ์ด้านลบที่หยุดนิ่งตายตัว และการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีวัฒนธรรมและลักษณะนิสัยโดยทั่วไปของชาวเล จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวเลส่วนใหญ่ในปัจจุบันยินดีที่จะถูกเรียกว่า “ไทยใหม่” มากกว่า “ชาวเล”

หลังจากที่สื่อนำเสนอข่าวของชาวเลกลุ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มคนที่เป็นกลุ่มชายขอบเหล่านี้เป็นที่รู้จักและมีผู้ติดตามความเคลื่อนไหวมากขึ้น ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับมีจิตสำนึกในการเป็นสื่อมวลชนเพื่อสังคม ได้พยายามเกาะติดและนำเสนอปัญหาความมั่นคงของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะเรื่องสัญชาติ (สำหรับกลุ่มมอแกน) เพราะความไร้สัญชาติและไร้รัฐเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เนื่องจากการไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย การไม่ได้รับบริการพื้นฐานหลายอย่าง

บ้านชาวอูรักลาโว้ยที่ชุมชนแหลมตุ๊กแก เกาะสิเหร่ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน

คนนอกที่ได้มีโอกาสรู้จักสนิทสนมกับชาวเลจะทราบดีว่าชาวเลส่วนใหญ่มีส่วนดีๆ ที่มักจะไม่ได้รับการกล่าวอ้างถึงอยู่มาก นอกจากเป็นคนที่รักพวกพ้อง อ่อนน้อมถ่อมตัว และไม่ละโมบโลภมากแล้ว ชาวเลมักจะไม่เกี่ยงงานหนัก งานที่ต้องลงแรงกาย ตรากตรำกรำแดดฝน ลักษณะเช่นนี้น่าจะเป็นที่ยกย่องมากกว่าการเป็นเจ้าของทรัพย์ศฤงคาร มียศตำแหน่ง ฝักใฝ่อำนาจ เช่นที่เรายกย่องเชิดชูกันในสังคมปัจจุบัน นอกจากนั้น ชาวเลทุกกลุ่มยังมีความรู้พื้นบ้านเกี่ยวกับทะเล มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเดินเรือ การสร้างเรือ การเก็บหาสัตว์ทะเล ความรู้นี้ทำให้ชาวเลอยู่กับทะเลได้อย่างสมดุลมานับร้อยๆ ปี

เจ้าหน้าที่องค์กรพัฒนาเอกชนหลายคนที่ได้เข้ามาทำงานในชุมชนชาวเล ไม่ว่าจะเป็นที่เกาะพระทอง บ้านทับตะวัน บ้านทุ่งหว้า (พังงา) บ้านหินลูกเดียวและบ้านสะปำ (ภูเก็ต) บ้านสังกาอู้ (กระบี่) ก็ได้เอ่ยถึงลักษณะนิสัยด้านบวก และนำเสนอภาพที่สมดุลของพี่น้องเหล่านี้ องค์กรพัฒนาเอกชนยังได้ทำงานร่วมกับชุมชนชาวเล หลายแห่งเพื่อสร้างเสริมความมั่นใจในวิถีวัฒนธรรม และสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการรวมกลุ่มและการจัดการองค์กร ด้านที่อยู่อาศัย ด้านอาชีพ ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯ ชาวเลหลายชุมชนเกิดการรวมตัวกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีการจัดกลุ่มองค์กร มีกระบวนการสร้างและขยายการมีส่วนร่วม ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง เช่น ชุมชนมอแกลนที่ทับตะวัน จังหวัดพังงา ยิ่งไปกว่านั้น ยังเกิดการสร้างเครือข่ายระหว่างชุมชนชาวเลด้วยกัน เช่น ระหว่างชุมชนมอแกนเกาะเหลา จังหวัดระนอง กับชุมชนมอแกลนบ้านทุ่งดาบ เกาะพระทอง จังหวัดพังงา เป็นต้น

ดังนั้น ควรจะมีการส่งเสริมการเรียนรู้ให้สาธารณชนเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งสภาพปัญหาต่างๆ ซึ่งชุมชนกำลังประสบอยู่ เพราะเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับสังคมใหญ่เช่นเดียวกัน นอกจากนั้น จะต้องมีการส่งเสริมให้เกิดความเข้าใจในคุณค่าทางวัฒนธรรมของชนกลุ่มชาวเลมากขึ้นด้วย

โครงการต้อยติ่ง – ขยายเมล็ดพันธุ์ความรู้เรื่องกลุ่มชาติพันธุ์และชายขอบสู่สาธารณชน สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 โทรศัพท์ 0-2218-7366, 0-2218-7376 โทรสาร 0-2255-2353 Email andamanproject1@yahoo.com www.andaman.cusri.chula.ac.th

เครื่องมือส่วนตัว