โรคบาดทะยัก
จาก ChulaPedia
แถว 24: | แถว 24: | ||
ส่วนผู้ใหญ่ที่อายุไม่ถึง 60 ปี แพทย์มักจะฉีดวัคซีนให้เพื่อความปลอดภัย เพราะส่วนใหญ่มักจะไม่แน่ใจประวัติวัคซีนตอนเด็ก | ส่วนผู้ใหญ่ที่อายุไม่ถึง 60 ปี แพทย์มักจะฉีดวัคซีนให้เพื่อความปลอดภัย เพราะส่วนใหญ่มักจะไม่แน่ใจประวัติวัคซีนตอนเด็ก | ||
+ | |||
+ | '''''ที่มาข้อมูล''''' จุฬาฯสัมพันธ์ | ||
'''''รวบรวมและเรียบเรียงบทความ''''' ศูนย์สื่อสารนานาชาติแห่งจุฬาฯ | '''''รวบรวมและเรียบเรียงบทความ''''' ศูนย์สื่อสารนานาชาติแห่งจุฬาฯ |
รุ่นปัจจุบันของ 08:05, 14 กันยายน 2554
โรคบาดทะยัก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Clostridium tetani ซึ่งจะเข้าสู้ร่างกายทางบาดแผล จากนั้นจะเจริญเติบโต และปล่อยพิษที่ส่งผลกระทบต่อระบบประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวตลอดเวลา
อาการ
อาการของโรคจะขึ้นอยู่กับปริมาณของพิษ หากได้รับเชื้อมากก็อาจเสียชีวิตภายใน 1-2 วัน หากได้รับเชื้อน้อย ร่างกายก็อาจจะกำจัดพิษ และหายเป็นปกติได้เอง
หากติดเชื้อบาดทะยัก ผู้ป่วยจะมีอาการอ้าปากไม่ได้ แขนเกร็ง และหน้าจะแสยะยิ้มอยู่ตลอดเวลา หากรุนแรงขึ้นร่างกายจะเกร็ง และหลังแอ่นแข็ง บางคนชักเกร็ง เมื่อถูกลมหรือมีเสียงดังก็จะยิ่งกระตุก จึงควรรีบพาไปส่งโรงพยาบาล โดยพยายามให้ผู้ป่วยอยู่ในที่มืด และไม่ให้ใครรบกวน เพราะหากเกร็งมากๆ อาจจะทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่ออก
การป้องกัน
การป้องกันที่ได้ผลดีที่สุด คือ การได้รับวัคซีนป้องกัน ส่วนใหญ่จะมีวัคซีนป้องกันบาดทะยักให้มารดาตั้งแต่ทราบว่ามีการตั้งครรภ์ จากนั้นจะฉีดวัคซีนชุดแรกให้เด็ก 3 เข็ม เมื่ออายุ 2, 4 และ 6 เดือน ฉีดกระตุ้นอีก 2 เข็ม เมื่ออายุ 1 ขวบครึ่ง และ 4-6 ขวบ และเมื่อฉีดครบ 5 เข็ม จะสามารถป้องกันโรคได้ 10 ปี และจะฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 10 ปี ซึ่งจะสามารถป้องกันได้อีก 10 ปี
การฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักเพิ่มเติมไม่มีผลเสีย แต่ไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดอาการปวด และบวมได้
การรักษา
การรักษามีทั้งการให้สารต้านพิษ และยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อบาดทะยัก เมื่อพิษถูกทำลาย ผู้ป่วยจะอาการดีขึ้น
กรณีที่เป็นเด็กอายุ 5-9 ปีที่ได้รับวัคซีนครบถ้วน แม้จะมีภูมิคุ้มกันสูง แต่หากเป็นบาดแผลที่มีความเสี่ยงสูงก็ควรฉีดวัคซีนเพิ่มเติม
ส่วนผู้ใหญ่ที่อายุไม่ถึง 60 ปี แพทย์มักจะฉีดวัคซีนให้เพื่อความปลอดภัย เพราะส่วนใหญ่มักจะไม่แน่ใจประวัติวัคซีนตอนเด็ก
ที่มาข้อมูล จุฬาฯสัมพันธ์
รวบรวมและเรียบเรียงบทความ ศูนย์สื่อสารนานาชาติแห่งจุฬาฯ