การนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชม
จาก ChulaPedia
(การแก้ไข 17 รุ่นระหว่างรุ่นที่เปรียบเทียบไม่แสดงผล) | |||
แถว 1: | แถว 1: | ||
- | |||
== การนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชม == | == การนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชม == | ||
'''การนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมเพื่อสร้างความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีมของบุคลากรสาธารณสุข''' | '''การนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมเพื่อสร้างความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีมของบุคลากรสาธารณสุข''' | ||
- | กระทรวงสาธารณสุข เป็นกระทรวงหลักด้านสังคมที่มีบทบาทในการสร้างสุขภาวะและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกระทรวงสาธารณสุข อาทิ ระบบสุขภาพแนวใหม่ สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และนโยบายของรัฐบาล การที่จะทำให้องค์กรตอบสนองความต้องการของสังคม และเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาประเทศภายใต้สภาวการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จำเป็นต้องมีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการบริหารการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น การจัดการความรู้ของบุคลากรสาธารณสุขเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น หน่วยภาครัฐและเอกชนหลายๆ แห่ง จึงให้ความสำคัญกับการจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เนื่องจากการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือที่ทำให้การดำเนินการต่างๆ ขององค์กรเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความพยายามที่จะใช้ความรู้ที่มีอยู่และประสบการณ์ของบุคคล ในองค์กรอย่างเป็นระบบ | + | |
- | ผู้วิจัยจึงได้นำเว็บล็อกมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของบุคลากรสาธารณสุข เพราะปัจจุบันเว็บล็อกได้มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเป็นเครื่องมือเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งเว็บล็อกเป็นเครืองมือในการจัดการความรู้ได้อย่างทรงพลังและมีประสิทธิภาพ เป็นฐานข้อมูลความรู้ฝังลึก(Tacit Knowledge) ที่ได้จากการทำงานหรือการปฏิบัติงาน โดยการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมเพื่อสร้างความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีมของบุคลากรสาธารณสุข กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาความคิดเห็น และความต้องการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อก เป็นบุคลากรสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 377 คน และที่เป็นชุมชนนักปฏิบัติทดลองใช้รูปแบบ เป็นบุคลากรสังกัดกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จำนวน 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามความคิดเห็น แบบสังเกตพฤติกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อก และแบบประเมินความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที | + | กระทรวงสาธารณสุข เป็นกระทรวงหลักด้านสังคมที่มีบทบาทในการสร้างสุขภาวะและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกระทรวงสาธารณสุข อาทิ ระบบสุขภาพแนวใหม่ สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และนโยบายของรัฐบาล การที่จะทำให้องค์กรตอบสนองความต้องการของสังคม และเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาประเทศภายใต้สภาวการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จำเป็นต้องมีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการบริหารการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น การจัดการความรู้ของบุคลากรสาธารณสุขเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น หน่วยภาครัฐและเอกชนหลายๆ แห่ง จึงให้ความสำคัญกับการจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เนื่องจากการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือที่ทำให้การดำเนินการต่างๆ ขององค์กรเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความพยายามที่จะใช้ความรู้ที่มีอยู่และประสบการณ์ของบุคคล ในองค์กรอย่างเป็นระบบ การจัดการความรู้จึงเป็นการขยายแนวคิดและแนวปฏิบัติที่ควรจะนำไปใช้พัฒนาองค์กรและบุคลากร ซึ่งจะทำให้คุณภาพการดำเนินงานโดยรวมขององค์กรเพิ่มยิ่งขึ้น พระราชบัญญัติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พุทธศักราช 2546 ในมาตรา 11 กำหนดไว้ว่า ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการเพื่อให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ อย่างสม่ำเสมอ โดยต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสาร สามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในระบบราชการ รวมทั้งส่งเสริมพัฒนาความรู้ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการเรียนรู้ร่วมกัน โดยองค์กรจะมีการเจริญเติบโต มีการเรียนรู้และพัฒนาได้นั้นจะต้องมีความรู้ที่ไหลเวียนอยู่ในองค์กร ทั้งในรูปของความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) และความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge ) ผู้วิจัยจึงได้นำเว็บล็อกมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของบุคลากรสาธารณสุข เพราะปัจจุบันเว็บล็อกได้มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเป็นเครื่องมือเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งเว็บล็อกเป็นเครืองมือในการจัดการความรู้ได้อย่างทรงพลังและมีประสิทธิภาพ เป็นฐานข้อมูลความรู้ฝังลึก(Tacit Knowledge) ที่ได้จากการทำงานหรือการปฏิบัติงาน โดยการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมเพื่อสร้างความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีมของบุคลากรสาธารณสุข กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาความคิดเห็น และความต้องการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อก เป็นบุคลากรสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 377 คน และที่เป็นชุมชนนักปฏิบัติทดลองใช้รูปแบบ เป็นบุคลากรสังกัดกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จำนวน 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามความคิดเห็น แบบสังเกตพฤติกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อก และแบบประเมินความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที |
+ | |||
ผลการวิจัยพบว่า | ผลการวิจัยพบว่า | ||
1. ระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมมี 4 องค์ประกอบ คือ 1) คน ประกอบด้วย คณะทำงานจัดการความรู้ และชุมชนนักปฏิบัติ ที่มีคุณอำนวยกระตุ้นและสร้าง | 1. ระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมมี 4 องค์ประกอบ คือ 1) คน ประกอบด้วย คณะทำงานจัดการความรู้ และชุมชนนักปฏิบัติ ที่มีคุณอำนวยกระตุ้นและสร้าง | ||
บรรยากาศของความชื่นชมและการคิดเชิงบวก 2) ความรู้ ได้แก่ ทักษะวิธีการปฏิบัติงานที่เป็นประสบการณ์ตรงของกลุ่มที่ต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3) เทคโนโลยี คือ เว็บล็อก และ 4) แรงจูงใจ จากคณะทำงานจัดการความรู้และจากสมาชิกกลุ่มชุมชนนักปฏิบัติ | บรรยากาศของความชื่นชมและการคิดเชิงบวก 2) ความรู้ ได้แก่ ทักษะวิธีการปฏิบัติงานที่เป็นประสบการณ์ตรงของกลุ่มที่ต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3) เทคโนโลยี คือ เว็บล็อก และ 4) แรงจูงใจ จากคณะทำงานจัดการความรู้และจากสมาชิกกลุ่มชุมชนนักปฏิบัติ | ||
- | 2. ขั้นตอนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นสร้างกลุ่มสัมพันธ์ร่วมคิดด้วยกัน 2) ขั้นกำหนดความรู้มุ่งสู่เป้าหมาย ด้วยการเล่าเรื่องการแก้ปัญหาการทำงาน 3) ขั้นออกแบบพัฒนาแสวงหาความรู้ด้วยกลยุทธ์เพื่อให้กลุ่มบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ 4) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ บนพื้นที่จริงและเสมือนผ่านเว็บล็อก 5) ขั้นสร้างแรงจูงใจ ผ่านช่องทางสื่อสาร 6) ขั้นประมวลกลั่นกรองและทดลองนำไปใช้ และ7) ขั้นประเมินผลงานของกลุ่ม | + | 2. ขั้นตอนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นสร้างกลุ่มสัมพันธ์ร่วมคิดด้วยกัน 2) ขั้นกำหนดความรู้มุ่งสู่เป้าหมาย ด้วยการเล่าเรื่องการแก้ปัญหาการทำงาน 3) ขั้นออกแบบพัฒนาแสวงหาความรู้ด้วยกลยุทธ์เพื่อให้กลุ่มบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ 4) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ บนพื้นที่จริงและเสมือนผ่านเว็บล็อก 5) ขั้นสร้างแรงจูงใจ ผ่านช่องทางสื่อสาร 6) ขั้นประมวลกลั่นกรองและทดลองนำไปใช้ และ7) ขั้นประเมินผลงานของกลุ่ม 3. กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนการประเมินความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีม หลังการทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สูงกว่าก่อนการทำกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05 |
- | + | ||
- | + | โดย : นางบัวงาม ไชยสิทธิ์ นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | |
- | + | อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ : รศ.ดร.อรจีย์ ณ ตะกั่วทุ่ง | |
- | อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ : รศ.ดร.อรจีย์ ณ ตะกั่วทุ่ง | + | '''กิตติกรรมประกาศ: ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก "ทุน 90 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" กองทุนรัชดาภิเษกสมโภช รุ่นที่ 17''' |
- | กิตติกรรมประกาศ: ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก "ทุน 90 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" กองทุนรัชดาภิเษกสมโภช รุ่นที่ 17 | + | |
+ | '''รายการอ้างอิง''' | ||
+ | ภาษาไทย | ||
+ | คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, สำนักงาน และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ. (2548). คู่มือการจัดทำแผนการจัดการความรู้ โครงการพัฒนาส่วนราชการให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้ในส่วนราชการ. | ||
+ | ไพโรจน์ ภัทรนรากุล และวีระวัฒน์ ปันนิตานามัย. (2548). การบริหารการเปลี่ยนแปลงกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับการปฏิรูประบบราชการและภาพพันธกิจในทศวรรษหน้า. คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. | ||
+ | วัชรินทร์ กีรติกสิกร. (2549). แนวทางการพัฒนาทีมงานสู่องค์การแห่งการเรียนรู้ในทัศนะของบุคลากรสาธารณสุข. สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารและนโยบายสวัสดิการสังคม). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. | ||
+ | วิจารณ์ พานิช. (2549). การจัดการความรู้ฉบับนักปฏิบัติ. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ. | ||
+ | ภาษาอังกฤษ | ||
+ | Avram, G. (2006) At the Crossroads of Knowledge Management and Social Software. The Electronic Journal of Knowledge Management. Volume 4 Issue 1, pp 1-10 | ||
+ | Cooperrider, D., Whitney, D., and Stavros, J. ( 2008). Appreciative Inquiry Handbook: For Leaders of Change. Brunswick, Ohio: Crown Custom. | ||
+ | Senge, P.M. (1994). The Fifth Discipline The Art & Practice of Learning Organization. Newyork: doubleday. |
รุ่นปัจจุบันของ 10:14, 19 พฤศจิกายน 2556
การนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชม
การนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมเพื่อสร้างความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีมของบุคลากรสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข เป็นกระทรวงหลักด้านสังคมที่มีบทบาทในการสร้างสุขภาวะและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกระทรวงสาธารณสุข อาทิ ระบบสุขภาพแนวใหม่ สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และนโยบายของรัฐบาล การที่จะทำให้องค์กรตอบสนองความต้องการของสังคม และเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาประเทศภายใต้สภาวการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ จำเป็นต้องมีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการบริหารการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ จากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น การจัดการความรู้ของบุคลากรสาธารณสุขเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้น หน่วยภาครัฐและเอกชนหลายๆ แห่ง จึงให้ความสำคัญกับการจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM) เนื่องจากการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือที่ทำให้การดำเนินการต่างๆ ขององค์กรเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความพยายามที่จะใช้ความรู้ที่มีอยู่และประสบการณ์ของบุคคล ในองค์กรอย่างเป็นระบบ การจัดการความรู้จึงเป็นการขยายแนวคิดและแนวปฏิบัติที่ควรจะนำไปใช้พัฒนาองค์กรและบุคลากร ซึ่งจะทำให้คุณภาพการดำเนินงานโดยรวมขององค์กรเพิ่มยิ่งขึ้น พระราชบัญญัติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พุทธศักราช 2546 ในมาตรา 11 กำหนดไว้ว่า ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการเพื่อให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ อย่างสม่ำเสมอ โดยต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสาร สามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในระบบราชการ รวมทั้งส่งเสริมพัฒนาความรู้ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการเรียนรู้ร่วมกัน โดยองค์กรจะมีการเจริญเติบโต มีการเรียนรู้และพัฒนาได้นั้นจะต้องมีความรู้ที่ไหลเวียนอยู่ในองค์กร ทั้งในรูปของความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) และความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge ) ผู้วิจัยจึงได้นำเว็บล็อกมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของบุคลากรสาธารณสุข เพราะปัจจุบันเว็บล็อกได้มีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการเป็นเครื่องมือเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งเว็บล็อกเป็นเครืองมือในการจัดการความรู้ได้อย่างทรงพลังและมีประสิทธิภาพ เป็นฐานข้อมูลความรู้ฝังลึก(Tacit Knowledge) ที่ได้จากการทำงานหรือการปฏิบัติงาน โดยการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมเพื่อสร้างความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีมของบุคลากรสาธารณสุข กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาความคิดเห็น และความต้องการเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อก เป็นบุคลากรสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 377 คน และที่เป็นชุมชนนักปฏิบัติทดลองใช้รูปแบบ เป็นบุคลากรสังกัดกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จำนวน 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามความคิดเห็น แบบสังเกตพฤติกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อก และแบบประเมินความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
ผลการวิจัยพบว่า 1. ระบบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเว็บล็อกด้วยวิธีการสืบสอบแบบชื่นชมมี 4 องค์ประกอบ คือ 1) คน ประกอบด้วย คณะทำงานจัดการความรู้ และชุมชนนักปฏิบัติ ที่มีคุณอำนวยกระตุ้นและสร้าง บรรยากาศของความชื่นชมและการคิดเชิงบวก 2) ความรู้ ได้แก่ ทักษะวิธีการปฏิบัติงานที่เป็นประสบการณ์ตรงของกลุ่มที่ต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3) เทคโนโลยี คือ เว็บล็อก และ 4) แรงจูงใจ จากคณะทำงานจัดการความรู้และจากสมาชิกกลุ่มชุมชนนักปฏิบัติ 2. ขั้นตอนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนคือ 1) ขั้นสร้างกลุ่มสัมพันธ์ร่วมคิดด้วยกัน 2) ขั้นกำหนดความรู้มุ่งสู่เป้าหมาย ด้วยการเล่าเรื่องการแก้ปัญหาการทำงาน 3) ขั้นออกแบบพัฒนาแสวงหาความรู้ด้วยกลยุทธ์เพื่อให้กลุ่มบรรลุเป้าหมายและวิสัยทัศน์ 4) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ บนพื้นที่จริงและเสมือนผ่านเว็บล็อก 5) ขั้นสร้างแรงจูงใจ ผ่านช่องทางสื่อสาร 6) ขั้นประมวลกลั่นกรองและทดลองนำไปใช้ และ7) ขั้นประเมินผลงานของกลุ่ม 3. กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนการประเมินความสามารถในการเรียนรู้เป็นทีม หลังการทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้สูงกว่าก่อนการทำกิจกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05
โดย : นางบัวงาม ไชยสิทธิ์ นิสิตมหาบัณฑิตสาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ : รศ.ดร.อรจีย์ ณ ตะกั่วทุ่ง กิตติกรรมประกาศ: ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก "ทุน 90 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" กองทุนรัชดาภิเษกสมโภช รุ่นที่ 17
รายการอ้างอิง ภาษาไทย คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, สำนักงาน และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ. (2548). คู่มือการจัดทำแผนการจัดการความรู้ โครงการพัฒนาส่วนราชการให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และการจัดการความรู้ในส่วนราชการ. ไพโรจน์ ภัทรนรากุล และวีระวัฒน์ ปันนิตานามัย. (2548). การบริหารการเปลี่ยนแปลงกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรองรับการปฏิรูประบบราชการและภาพพันธกิจในทศวรรษหน้า. คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. วัชรินทร์ กีรติกสิกร. (2549). แนวทางการพัฒนาทีมงานสู่องค์การแห่งการเรียนรู้ในทัศนะของบุคลากรสาธารณสุข. สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารและนโยบายสวัสดิการสังคม). คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. วิจารณ์ พานิช. (2549). การจัดการความรู้ฉบับนักปฏิบัติ. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : สุขภาพใจ. ภาษาอังกฤษ Avram, G. (2006) At the Crossroads of Knowledge Management and Social Software. The Electronic Journal of Knowledge Management. Volume 4 Issue 1, pp 1-10 Cooperrider, D., Whitney, D., and Stavros, J. ( 2008). Appreciative Inquiry Handbook: For Leaders of Change. Brunswick, Ohio: Crown Custom. Senge, P.M. (1994). The Fifth Discipline The Art & Practice of Learning Organization. Newyork: doubleday.