วิกฤตไข้วันนกบอกอะไรมาก
จาก ChulaPedia
(หน้าที่ถูกสร้างด้วย 'วิกฤตไข้หวัดนกบอกอะไรมาก (1) คอลัมน์ เศรษฐกิจระบบ…')
รุ่นปัจจุบันของ 07:22, 12 พฤษภาคม 2554
วิกฤตไข้หวัดนกบอกอะไรมาก (1) คอลัมน์ เศรษฐกิจระบบสารสนเทศ โดย ดร.ฉวีวรรณ สายบัว
เป็นคำถามหรือความสงสัยที่มีอยู่ในใจ มาโดยตลอด ว่าทำไมประเทศ สังคมและผู้คนที่มีมุมมอง ความคิดและการกระทำไปในทางที่สวนทางหรือตรงข้ามกับทางที่จะนำไปสู่การพัฒนาหรือการสร้างความเจริญให้เกิดขึ้น (civilization)
หรือที่ขาดสำนึกหรือแยกแยะไม่ออกระหว่างขาวกับดำ ถูกกับผิด ดีกับชั่ว บาปกับบุญ คนดีกับคนร้าย คนจริงกับคนเก๊ ความจริงกับความเท็จ ความซื่อสัตย์กับความคดโกง หรือระหว่างสิ่งที่ควรทำกับสิ่งที่ไม่ควรทำ
หรือระบบที่ยึดถือแต่พวกพ้อง/ระบบอุปถัมภ์ที่ปกป้องและค้ำชู/เชิดชูแต่ระหว่างพวกพ้องกันเอง (โดยไม่คำนึงถึงคนอื่น/ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน) ระบบ/สภาพแวดล้อมของสังคมที่มีแต่เอื้อและส่งเสริมให้คนไม่ดีได้มีอำนาจปกครองเหนือคนดี ระบบที่เอื้อให้เกิดมาเฟีย ระบบที่เอื้อ /บังคับให้ทุกคนต้องเป็นโจร/เป็นคนขี้โกงจึงจะได้อยู่กินดี/ได้ร่ำรวยมั่งคั่งขึ้น
ระบบเกียรติยศที่ผิดเพี้ยน ระบบการให้รางวัล/ความดีความชอบ/ผลตอบแทนจากการทำงานที่ผิดเพี้ยน (คนออกแรงทำงานกลับไม่ค่อยได้อยู่ได้กิน แต่คนไม่ได้ออกแรงกลับได้ไปหมด) ระบบที่เอื้อให้แต่คนที่เข้มแข็งเอารัดเอา เปรียบคนที่อ่อนแอกว่า ระบบที่ไม่ยึดถือความรู้/ความจริง (นิยมแต่การหลอกลวงคนให้สบายใจกันง่ายๆ หรือส่งเสริมแต่มนุษยสัมพันธ์แบบสองสลึงที่ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น) และประเทศ/สังคมที่ผู้ปกครองเอารัดเอาเปรียบผู้ใต้ปกครองมาโดยตลอด
ประเทศ สังคมและผู้คนดังเช่นที่ว่ามานั้นดำรงอยู่กันมาได้อย่างไร ทำไมอยู่กันมาได้ยาวนานขนาดนี้ มันน่าจะไม่รอดแล้ว มันน่าจะพังทลายลงไปแล้ว (เพราะมันเกินกว่าที่มนุษย์ปกติธรรมดาจะอยู่กันต่อไปได้) จึงเคยพยายามนึกถึงประสบการณ์ในประวัติ ศาสตร์ของประเทศ สังคมหรือผู้คนในที่อื่นๆ เพื่อนำมาเปรียบเทียบกันและเคยถามผู้รู้เพื่อจะให้ได้รับคำตอบหรือให้ได้รับความรู้และความเข้าใจในคำถาม หรือความสงสัยที่มีอยู่ในใจมาโดยตลอดดังข้างต้นว่ามันมีอาการ เหตุการณ์ สัญญาณ (เตือนภัย) หรือลักษณะอะไรที่บ่งบอกว่าประเทศ สังคมหรือกลุ่มคนนั้นจะไปไม่รอดแล้ว ? มันกำลังจะพังลงแล้ว ? หรือมันพังทลายลงแล้ว ?
หรือมันมี (ตัวอย่าง) ภาพ (image) อะไรที่ทำให้เราพอจะมองเห็น หรือยืนยันถึงปัญหาที่ถูกสะสมต่อเนื่องกันมายาวนาน แล้วเมื่อถึงจุดเต็มที่ แล้วมันปรากฏเป็นความล่มสลายออกมาให้เห็นอย่างไร (ตามที่ผู้รู้บอก) สามารถมองเห็นภาพความล่มสลายปรากฏออกมาให้เห็นได้ดังตัวอย่างการแตกลงของกำแพงเบอร์ลิน การล่มสลายของระบอบคอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียต (แล้วแตกออกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย) และสถานการณ์ตะวัน ออกกลาง เป็นต้น
(จากความนำข้างต้น) ผู้เขียนจึงมองเห็นภาพการระบาดของไข้หวัดนกในไก่ที่เกิดขึ้นในประเทศเป็นภาวะ "วิกฤต" เฉกเช่นเดียวกับวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศที่คลี่หรือที่ปรากฏออกมาให้เห็นในปี 2540 และวิกฤตสถานการณ์ปัญหาชายแดนใต้ 3 จังหวัดอยู่ในขณะนี้ และวิกฤตของสถานการณ์ปัญหาด้านอื่นๆ ของประเทศที่ปรากฏออกมาให้เห็นในเวลาปัจจุบัน
มันดูเหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ปัญหา ความเสื่อม และความชั่วร้ายทั้งหลายที่หลบซ่อนอยู่ในทุกกลุ่มทุกผู้คน ที่เราช่วยกันกดทับมันเอาไว้และที่มันถูกหมักหมมและสะสมเพิ่มพูนกันมาในอดีตอันยาวนาน (ในที่สุด) จนถึงวันที่มันปรากฏออกมาให้เห็นกันมากขึ้นเรื่อยๆ ปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อยๆสับสนและแตกแยกกันมากขึ้นเรื่อยๆ
การระบาดของไข้หวัดนกในไก่ซึ่งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปในหลายพื้นที่ทั่วทุกภาคและกินพื้น ที่เกือบจะครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ อันทำให้มีไก่ต้องล้มตายลงเป็นจำนวนมาก และมีไก่อีกจำนวนมากมายที่ยังมีชีวิตที่ต้องถูกฆ่าตายเพื่อตัดตอนการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ซึ่งรวมๆ กันแล้วตามข่าวที่มีการเผยแพร่กันออกมามีไก่ต้องตายลงไปทั้งหมดประมาณ 20-30 ล้านตัว (และยังมีสัตว์ปีกประเภทอื่นๆ อีกที่ต้องโดนกระทบไปด้วย เช่น เป็ดและนก)
และยังส่งผลให้เด็กเล็กที่ไร้เดียงสาที่มีโอกาสคลุกคลีกับไก่ที่เป็นโรค (เพราะความไม่รู้) ต้องติด ไข้หวัดนกไปด้วย และทำให้ต้องเสียชีวิตในระยะเวลาอันสั้นถึง 6 คน และยังมีจำนวนคนที่ถูกกักตัวเอาไว้เพราะต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นไข้หวัดนกตายไปอีกจำนวนหนึ่ง และยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งนับเป็นร้อยๆ คนที่ถูกสงสัยที่ถูกเจาะเลือดส่งไปตรวจว่าจะมีเชื้อไข้หวัดนกหรือไม่ (ซึ่งข้อมูลตรงนี้คลุม เครือและน่าสงสัยมาก)
ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไข้หวัดนก โดยเฉพาะผลกระทบในทางเศรษฐกิจในแง่ที่ทำให้ผู้คนในประเทศโดยทั่วไปหยุดการบริโภคทั้งไก่และไข่ (ที่เป็นอาหารหลักพื้นฐาน) แทบจะหมดเลย และส่งผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่ต่อการผลิต การค้า/ การขายไก่และไข่ และการประกอบกิจการร้านค้า/ ร้านอาหารและกิจการ/ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งหมด รวมทั้งผลกระทบต่อการส่งออกไก่ของไทยของผู้ส่งออก (ที่เป็นสินค้าส่งออกหลักสินค้าหนึ่งของไทย) จากที่ประเทศผู้นำเข้าระงับการนำเข้าชั่วคราวและส่งไก่กลับคืนอีกจำนวนมาก
เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นที่สำคัญมากกว่า (เป็นไหนๆ) เป็นเรื่อง 1) ความปลอดภัยในการบริโภคอาหารของประชาชนและโอกาสที่จะเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการได้รับเชื้อไข้หวัดนกของผู้คน
2) ความเดือดร้อนและการสูญเสียของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่รายเล็กรายน้อยซึ่งเป็นคนจำนวนมากที่ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะเงินที่กู้เขามาลงทุนทุ่มไปจนหมดตัวแล้ว รายได้ที่คาดว่าจะได้รับจากการขายไก่และไข่ต้องหายวับไปกับตา และปัญหาการตกงาน การขาดอาชีพและหนี้สินที่จะตามมา และความรู้สึกสะเทือนใจและเสียใจที่ถูกบังคับโดยไม่เต็มใจให้ต้องยอมให้ผู้อื่นทำลายไก่/เป็ด (ที่ตนเป็นผู้เลี้ยงดูมาด้วยความเอาใจใส่และย่อมมีความรักและความผูกพันกันตามมา เพราะความใกล้ชิดและต่างเป็นสิ่งมีชีวิตด้วยกัน) ในขณะที่ยังมีชีวิตและในเวลาที่ยังไม่สมควร
3) ภาพผ่านหน้าจอทีวีที่ไก่เป็นจำนวนมากมายที่ยังมีชีวิต (และสัตว์ปีกอื่นๆ) ที่ถูกต้อนเพื่อเอาไปฆ่าทำลาย ที่ถูกจับโยนใส่ถุงแล้วปิดปาก หรือที่ถูกโยนลงไปในหลุมที่ถูกจัดเตรียมไว้ ที่แสดงอาการดิ้นรน เพื่อหนีความตายในขณะที่ผู้คนเอาดินฝังกลบ (หรือในบางที่ เช่น ในอินโดนีเซีย ก็ใช้การเผาไก่ทั้งเป็น) ล้วนเป็นภาพที่ดูโหดร้าย ดูน่าหดหู่ใจ ซึ่งกระทบความรู้สึกของผู้คนที่ได้เห็น และรู้สึกว่ามนุษย์เรานับวันแต่จะสร้างบาปสร้างกรรมกันมากขึ้น
การทำบาปของมนุษย์กันมาก การที่มนุษย์เป็นขบถต่อพระเจ้า ทำให้บางครั้งพระเจ้าต้องเอาสงครามและเหตุเภทภัยทางธรรมชาติต่างๆ เช่น ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม ฝนแล้ง หรือแผ่นดินไหวหรือการให้มีโรคภัยไข้เจ็บแปลกๆ ใหม่ๆ ที่คุกคามชีวิตมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์กลับมามีสำนึก กลับมามีความถ่อมตน เพื่อให้มนุษย์ต้องกลับไปหาพระเจ้า ถ้ายังไม่กลับก็จะวุ่นวายกันอยู่อย่างนี้
4) ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากท่าทีการแสดงออก และการปฏิบัติของผู้ที่เกี่ยวข้องในการนำและรับผิดชอบในการรับมือ และแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ (และภาคเอกชนโดยเฉพาะที่เป็นนักธุรกิจ/ธุรกิจใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมไก่ของประเทศ) ที่ส่อไปในทาง (ก) ขาดความรับผิดชอบ (ข) ขาดความรู้เท่าทันกับปัญหาที่เกิดขึ้น (ค) เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่สามารถสร้างหายนะได้มาก แต่กลับทำเป็นสบายใจ ทำเป็นว่าไม่มีอะไร ขาดความสนใจและตระหนักถึงปัญหาอย่างเพียงพอตั้งแต่เริ่มแรก
(ง) แสดงออกไปในทางที่พยายามจะปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริงของสถานการณ์ปัญหาที่ควรจะได้รับทราบกันโดยทั่วไป เพื่อหาหนทางป้องกันและควบคุมสถานการณ์ปัญหาเพื่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
(จ) ให้ความสำคัญเกินเหตุกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลประโยชน์ของพวกพ้องรัฐบาลจำนวนน้อย (บนต้นทุน/ค่าใช้จ่ายของคนอื่น) มากกว่าจะนึกถึงผลกระทบต่อประชาชนซึ่งเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยที่มีขีดความสามารถน้อย ในการรับผลกระทบที่เกิดขึ้น และ (ฉ) การแสดงออกของผู้นำ และคนในรัฐบาลในช่วงที่ขึ้นมาบริหารและปก ครองประเทศดูเหมือน โดยตลอดมามันไม่เป็นไปตามหรือตรงกันข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และใช้วิธีการสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา โดยวิธีที่ง่ายเกินไป โดยการสร้างภาพโดยการกินไก่โชว์ (ท้าทาย และส่งเสริมให้คนประมาทเสียมากกว่า)
เหล่านั้นมันสะท้อนให้เห็นถึงขนาดความเป็นผู้นำ และความรู้และความสามารถของหัวหน้ารัฐบาล และคนในรัฐบาลซึ่งทำให้ประชาชนผิดหวัง เสื่อมศรัทธา และขาดความเชื่อถือและไว้วางใจผู้นำและรัฐบาล และสร้างผลกระทบต่อความโปร่ง ใสและความน่าเชื่อถือของประเทศโดยส่วนรวมในสายตาของต่างประเทศ
การระบาดของไข้หวัดนกซึ่งเป็นการเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย และถือเป็น "ภาวะวิกฤต" (เช่นเดียวกับวิกฤตสถานการณ์ชายแดนใต้ 3 จังหวัดอยู่ในขณะนี้ วิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตด้านอื่นๆ ของประเทศในเวลาปัจจุบัน) มันบอกอะไรเราได้มากหรือมันสะท้อนให้เห็นถึงความจริงๆ เกี่ยวกับความเป็นประเทศไทย สังคมไทย และคนไทย (ซึ่งมันสร้างให้เกิดปัญหาอย่างไร)
ความจริงๆ เกี่ยวกับเป็นต้นว่า ปัญหาการเล็งไม่เห็นความจริงของคนไทย (insights) ปัญหามองไม่ได้มุมที่ถูกของคนไทย (right perspective) ปัญหาการเป็นคนใจคอคับแคบ/ปัญหาความเห็นแก่ตัวของคนไทย (โดยเฉพาะคนที่เป็นชนชั้นผู้นำ) ปัญหาการไม่เรียนรู้ (หรือปัญหาการเรียนรู้ไม่ได้)
ปัญหาการรับความจริงไม่ได้ของคนไทยและสังคมไทย (เมื่อสร้างปัญหาหรือเกิดความผิดพลาดบกพร่องอะไรขึ้น ก็ชอบจะทำให้เชื่อกันว่าเรายังดีอยู่ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากคนอื่นสร้าง ชอบโทษคนอื่น โทษโลกตลอด(ไม่เคยโทษตัวเองเลย)และปัญหาการมีบุคลิกลักษณะที่หลงตนเอง สำคัญตนเองผิดและหลอกตนเองและหลอกคนอื่นได้มากของคนไทย
มันจึงทำให้ปัญหาเล็กกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ปัญหาที่ป้องกันได้กลายเป็นปัญหาป้องกันไม่ได้ ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้รับการแก้ไขหรือแก้ไขได้ไม่ทันการ หรือแก้ไขปัญหาหนึ่งก็ไปสร้างให้เกิดปัญหาอื่นอีกมาก หรือปัญหาที่เกิดขึ้นมันใหญ่โต ยาก สลับซับซ้อน หรือมันวิกฤตเกินกว่าขีดความสามารถของผู้แก้ไขปัญหาตามลำดับชั้นลงไป หรือมีปัญหาอื่นๆ ในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด
การระบาดของไข้หวัดนกในประเทศดังกล่าวที่มันค่อยเริ่มปรากฏออกมาให้เห็นกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน (หรือปลายเดือนตุลาคม) ของปีที่แล้ว โดยมีข่าวแพร่กันออกมา (จากเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่) ถึงการตายลง (อย่างรวดเร็วและหมดทั้งเล้าทั้งฟาร์ม) ของไก่เป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในพื้นที่ที่คิดว่าเป็นพื้นที่ของการระบาดเริ่มต้น (นครสวรรค์ สุพรรณบุรี กาญจนบุรี เป็นต้น) และหลังจากนั้นแล้วโรคก็แพร่ระบาดต่อไปอย่างไม่หยุด จากฟาร์มหนึ่งสู่อีกฟาร์มหนึ่ง และสู่ฟาร์มอื่นๆ และจากพื้นที่หนึ่งสู่พื้นที่อื่นๆ
ซึ่งหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ดูเหมือนจะเป็นหนังสือพิมพ์ในอันดับแรกๆ ที่รายงานถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น และต่อมาโดยตลอด และให้ความสำคัญระดับพาดเป็นหัวข้อข่าวหน้า 1 มาโดยตลอด ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะห่วงใยและตระหนักว่าการตายของไก่ลงเป็นจำนวนมาก ในหลายพื้นที่ และด้วยลักษณะ และอาการที่ได้รับการบอกเล่า จากผู้เลี้ยงไก่น่าสงสัยว่า อาจจะมาจากไข้หวัดนก และถ้าเป็นดังเช่นที่สงสัยก็คงจะสร้างผลกระทบอย่างหนักตามมา และดังนั้นทางหนังสือพิมพ์ จึงเห็นสมควรที่จะได้เผยแพร่ข้อมูลข้อเท็จจริงถึงเรื่องนี้ ให้เป็นที่รู้และตระหนักถึงกันโดยทั่วไป เพื่อให้ผู้มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบได้มีการดำเนินการอะไรที่ตามมาอย่างทันการ
นอกจากคำบอกเล่าจากปากของเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่จำนวนไม่น้อยและในหลายพื้นที่ที่น่าเชื่อถือ (เพราะล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์อย่างดีเพราะต่างประกอบอาชีพนี้กันมานาน และเคยได้เห็นได้สัมผัสถึงการเจ็บป่วย และการตายของไก่ของตนด้วยเหตุและจากโรคต่างๆ กันมาโดยตลอดอันยาวนาน) ซึ่งต่างล้วนเห็นตรงกันว่าการตายของไก่จำนวนมากของพวกเขา มันมีลักษณะและอาการที่แตกต่างไป จากที่พวกเขาเคยเห็นเคยสัมผัสมาก่อน หรือไม่ได้ตายจากโรคอหิวาต์ผสมหลอดลมอักเสบ (อย่างที่คนในภาครัฐบาล และภาคเอกชนที่เป็นพวกพ้องของรัฐบาล ต่างช่วยกันออกมาประสานเสียงบอกไปในทางเดียวกันนี้มาตลอด)
บวกข่าวต่างประเทศที่เผยแพร่ออกมากันตลอดเวลาของการระบาดของไข้หวัดนกในเวียดนามที่มีไก่ตายลง และไก่ที่ต้องถูกฆ่าจำนวนมาก รวมทั้งทำให้มีคนตายเพราะติดเชื้อไข้หวัดนกอีกไม่น้อยคนเลย และเช่นกันองค์การระหว่างประเทศทั้งองค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ต่างได้ออกข่าวเตือนมาโดยตลอดถึงมีการระบาดของไข้หวัดนกในเอเชีย และเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศในเอเชียได้เตรียมการรับมือ ป้องกัน และหาทางจัดการกับปัญหากันเอาไว้ (ล่วงหน้า) เพราะกังวลว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ ไม่จบลงง่ายๆ และอาจร้ายแรงยิ่งกว่าวิกฤตโรคซาร์สเสียอีก นอกจากนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีการระบาดของไข้หวัดนกในฮ่องกง (ปี 2540) และยังในแหล่งอื่นๆ อีกในประเทศยุโรปในอดีต
จากข้อมูลและข้อเท็จจริงจากแหล่งต่างๆ ที่ล้วนหน้าเชื่อถือได้ดังกล่าวมาข้างต้น ก็น่าจะเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ว่ามีโรคที่เป็นอันตรายร้ายแรงระบาดในไก่ (ไม่ว่าจะยังไม่มีผลยืนยันจากห้องแล็บออกมา และไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดนกหรือไม่) ซึ่งสามารถแพร่ระบาดต่อไปและผู้คนอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะติดโรคนี้ด้วย (ที่ทำให้ตายได้)
บวกกับการตระหนักถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เป็นจริงอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดการระบาดรุนแรงมากขึ้นได้ ยากต่อการควบคุม และแก้ไขมากขึ้น และจะส่งผลกระทบหนักขึ้นไปอีก ได้แก่ 1)ความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของโรคระบาด ซึ่งจะแพร่ระหว่างสัตว์ประเภทเดียวกัน แพร่สู่สัตว์อื่นที่อยู่ใกล้ชิด การแพร่จากสัตว์สู่คน หรือแม้แต่ความเป็นไปได้ของการแพร่จากคนสู่คน และที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ มีนกเป็นพาหะนำโรคซึ่งควบคุมไม่ได้
2)สภาพแวดล้อมของการเลี้ยงไก่ที่มีอยู่ทั่วไปในบ้านเรา ที่ส่วนใหญ่อาจไม่ถูกสุขลักษณะนัก (นอกจากนี้ชาวบ้านไทยในชนบท หรือตามต่างจังหวัดยังมีการเลี้ยงไก่กันไว้ที่บ้านทั่วไป และยังมีไก่ชนที่เลี้ยงกันไว้ตามที่ต่างๆ อีกมาก) และ 3)การมีขีดความสามารถน้อยในการที่จะรับมือ และจัดการกับปัญหาของผู้เลี้ยงไก่รายเล็กรายน้อย ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่เพราะฐานะยากจน ขาดการศึกษาและขาดความรู้และข้อมูลมาก
เพราะฉะนั้นถ้าเล็งเห็นสภาพการณ์ความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นและที่จะต้องเผชิญกันเหล่านี้ มันก็จะเห็นเป็นเรื่องจำเป็น และเร่งด่วนที่จะต้องมีการดำเนินการเป็นขั้นตอนตามลำดับกันไปอย่างไรเพื่อจัดการกับปัญหาให้ทันท่วงที ซึ่งเห็นว่าขั้นแรกหรือสิ่งแรก (และเป็นเรื่องสำคัญที่สุด) ที่ควรจะรีบดำเนินการคือ การรีบเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงถึงสถานการณ์ปัญหาให้ทราบกันโดยทั่วไป เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแน่นอนรวมถึงประชาชนโดยทั่วไปเพื่อให้ประชาชนได้ หาทางป้องกันตนเอง และได้มีส่วนช่วย และให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายน้อยที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ (ไม่รู้ด้วยความคิดและความรู้อะไรของเหล่าท่านผู้มีอำนาจ จึงได้กล้ายืนยันและรับประกันโดยตลอดมาว่า ประเทศไทยปลอดจากไข้หวัดนก)
(ดังกล่าวไม่มีใครตำหนิในเรื่องการเกิดขึ้น ของไข้หวัดนกเพราะเป็นเรื่องห้ามไม่ได้) แต่ที่ (ประชาชน) รู้สึกว่ามันเป็นปัญหามากกว่า มันน่ากลัว มันน่าตกใจ หรือมันเป็นวิกฤตใหญ่สุด และที่ตามมาที่ทำให้ประชาชนรู้สึกผิดหวัง เสื่อมศรัทธา ไม่เชื่อ ไม่ไว้วางใจ ไม่มั่นใจ และรู้สึกว่าชีวิตของคนไทยอาจตายง่ายๆ ตกอยู่ในภาวะความไม่แน่นอน ความไม่มั่นคง และต้องตกอยู่ในความเสี่ยงกันมากขึ้น (เกินความจำเป็นหรือทั้งๆ ที่อาจสามารถทำอะไรได้ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้)
ทั้งนี้ เพราะความจริงที่ปรากฏออกมาให้เห็นกัน ก็คือ บรรดาผู้มีอำนาจหน้าที่ในการนำ และรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบ และบุคคลต่างๆ ในภาคเอกชนโดยเฉพาะที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมไก่ของประเทศ ที่ควรจะมีความรู้ และข้อมูลดีกว่าใคร กลับไม่รู้หรือทำเป็นไม่รู้เรื่อง (ทำเป็นเงียบและวางเฉย) กลับทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ และกลับไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรกระทำ (ดังกล่าวมา)
โดยเฉพาะสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นมันบอกได้ดี โดยเสียงร้องไห้เสียงคร่ำครวญออกมา ด้วยความทุกข์โศกของบรรดาคนที่เป็นพ่อแม่ ที่ต้องสูญเสียลูกของพวกเขาที่ยังไร้เดียงสา อยู่ในวัยที่กำลังน่ารัก และวัยที่กำลังเติบโต ให้กับโรคไข้หวัดนก และที่พวกเขาสามารถทำได้ก็เพียงคำตัดพ้อต่อว่าผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่า "ถ้ามีใครบอกพวกเขา มีใครให้ความรู้/ข้อมูลเรื่องนี้กับพวกเขามาก่อนหน้านี้กันบ้าง พวกเขาก็คงจะไม่สูญเสียลูกๆ ของพวกเขาไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เตรียมใจมาก่อนและสามารถทำอะไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้"
รัฐบาลและพวกพ้องในภาคธุรกิจเอกชนของท่าน จึงไม่สมควรเอาเรื่องเงินมาล้อเล่น กับชีวิตของชาวบ้านของประชาชนไทย และไม่ควรจะตี "ค่าชีวิต" ของผู้คนออกมาเป็นเงิน เพราะมันเป็นวิธีการของคนต่ำเตี้ยเกินไป
และขวัญ กำลังใจ ศรัทธา และความเชื่อมั่น ต้องมาจากความจริงเท่านั้น (truth and truth only) การมองเห็นความจริง พูดความจริง รู้จริงเกี่ยวกับเรื่องหรือปัญหาต่างๆ ที่เผชิญ อธิบายปัญหาออกมาได้ชัดเจน อ่านปัญหาออก ประเมินสถานการณ์ปัญหาใกล้เคียง หรือตรงความเป็นจริง รู้วิธีแก้ไขปัญหาจริง และลงมือแก้ไขปัญหาตามสภาพการณ์ความเป็นจริงได้อย่างเป็นระบบ ตลอดจนมีผลงานปรากฏออกมาให้เห็นกันได้จริงทั้งในเวลาเฉพาะหน้า ระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว