ว่าด้วยเรื่องเครื่องเคียงของชีวิต

จาก ChulaPedia

การปรับปรุง เมื่อ 12:15, 19 เมษายน 2554 โดย Tchuchaa (พูดคุย | เรื่องที่เขียน)
(ต่าง) ←รุ่นก่อนหน้า | รุ่นปัจจุบัน (ต่าง) | รุ่นถัดไป→ (ต่าง)
ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

ชูชาติทรรศน์  : ว่าด้วยเรื่องเครื่องเคียงของชีวิต

รองศาสตราจารย์ ชูชาติ ธรรมเจริญ Chuchaat.t@chula.ac.th

อาจเป็นที่ถกเถียงกันในวงสนทนาใด ๆ ว่า “มนุษย์” และ “คน” เหมือนกันหรือไม่? อยากจะตอบแบบกวน ๆ ว่าแตกต่างกัน เพราะอย่างน้อยเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเขียนต่างกัน ความหมายหรือมุมมองด้านอื่น ๆ แตกต่างกันหรือไม่? ตอบโดยไม่ต้องลังเลเลยว่าแตกต่างกัน “คน” อย่างไรเสียย่อมวุ่นวายและสร้างความสับสนในโลกที่อลวนเฉกเช่นปัจจุบันนี้ ส่วนมนุษย์มาจากคำว่า “มานะ” (แปลว่าจิตใจ) และอุษย์ (แปลว่าดีงาม) เมื่อรวมกันแล้ว “มนุษย์” จึงหมายความว่าผู้มีจิตใจดีงามและเพียรพยายามที่จะกระทำแต่ความดี ต้องถามตนเองว่า “เราเป็นผู้มีจิตใจดีงามและเพียรพยายามที่จะกระทำตามดีอยู่หรือไม่? เรายังเรียกตนเองว่าเป็นมนุษย์ผู้เป็นสัตว์ที่แสนประเสริฐอยู่หรือไม่? ถ้าพฤติกรรมของตนเองห่างจากความเป็นมนุษย์มากเท่าใดแสดงว่าเราย่อมห่างจากความเป็นมนุษย์มากเท่านั้น คำว่ามนุษย์ยังเหมาะสมที่จะนำมาเรียกขานเราอยู่อีกต่อไปหรือไม่?

เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ย่อมเป็นหลักประกันเบื้องต้นว่าเราทุกคนต้องตระหนักในความเป็นมนุษย์และจรรโลงความเป็นมนุษย์ให้สง่างามสมกับที่เรียกขานตัวเองว่า “มนุษย์” อย่างแท้จริง สมควรที่จะประพฤติและปฏิบัติตนให้ดีงามและเป็นความงามจากภายในทะลุออกมาสู่มิติภายนอกที่เรียกว่า (insight out) ซึ่งเป็นความงามพร้อมในทุก ๆ ด้าน โดยความงามดังกล่าวได้กลั่นออกมาจากองคาพยพของมนุษยชาติผู้เปี่ยมด้วยคุณความดี มิได้เสแสร้างหรือประดิษฐ์ด้วยคำอันหวานหูและจริตกิริยาที่ปรุงแต่งเพื่อให้ความงามเสมือนปรากฏแก่บุคคลทั่วไป

ในการดำรงชีวิตเพื่อให้มีชีวานั้นมีหลายองค์ประกอบด้วยกัน ความพอเพียงในความสุขของแต่ละบุคคลซึ่งถือว่าเป็นปัจเจกบุคคลย่อมแตกต่างกัน คงไม่มีเกณฑ์หรือมาตรฐานกลางที่จะเป็นกรอบให้ผู้คนได้ปฏิบัติได้ ทั้งนี้เนื่องจากพื้นฐานตลอดจนประสบการณ์ของแต่ละคนแตกต่างกันมากชนิดที่ไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้เลย

ในทางสังคมศาสตร์มิติที่จะต้องพิจารณาในทุก ๆ ประเด็นปัญหาจะครอบคลุมถึง

1. สภาพภูมิศาสตร์และระบบนิเวศน์

2. ประชากรและครอบครัว

3. การเมืองการปกครอง

4. การศึกษา

5. เศรษฐกิจ

6. ศิลปะและวัฒนธรรม

7. ภาษาและการสื่อสาร

8. อนามัยสาธารณสุข

9. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

จากมิติทางสังคมที่กล่าวแล้วนั้นจะทราบได้ด้วยวิจารณญาณว่าปัญหาในทางสังคมจะซับซ้อน ซ่อนเงื่อนและสับสนอย่างมากเนื่องจากมีหลายตัวแปรที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งถ้าคนผู้ซึ่งมีจิตใจที่ใฝ่ในทางชั่วร้ายแล้วยิ่งจะก่อปัญหาให้แก่สังคมอย่างมหาศาลคงจำได้ว่า “จิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึง” ถ้าคิดดีคิดในเชิงบวก (positive thinking) ปัญหาก็จะน้อยลงกว่าการคิดในเชิงลบ (negative thinking) ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับจิตที่ได้รับการฝึกฝนดีแล้ว

ในส่วนของข้าราชการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้นต้องประพฤติปฏิบัติตนตามหลักการของ “เทวะขุนนาง” อันได้แก่

1. ความรู้ดี

2. มีสัจจะ

3. เสียสละเพื่อสังคม

4. นิยมประชาธิปไตย

5. ใช้เหตุผล

6. อดทนต่อหน้าที่

7. หลีกหนีอบายมุข

8. หาความสุขจากธรรมะ

9. เลิกละทิฐิ

10. มิสติครองตน

ถ้าข้าราชการทุกคนสำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบแห่งตน พร้อมทั้งปฏิบัติตนตามหลักการของเทวะขุนนางย่อมทำให้สังคมดีขึ้น ประเทศเจริญขึ้น ความสุขย่อมบังเกิดขึ้นกับทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับสังคมในปัจจุบัน มิทราบว่ามีอะไรบังใจจึงทำให้ข้าราชการส่วนใหญ่เกียร์ว่าง ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตน คอยแต่รับใช้ผู้มีอำนาจวาสนา อันส่งผลให้สภาวะของบ้านเมืองผิดเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เนื่องมาจากความทะยานอยากและความโลภมาก อยากมี อยากเป็น อยากร่ำรวย อยากได้สิ่งที่มิพึงควรได้ จิตใจเต็มไปด้วยกิเลสกองใหญ่เหมือนไฟที่สุมอกให้มอดไหม้และเร้าร้อนด้วยความอาฆาตมาดร้ายและอิจฉาริษยาอันหาที่ติมิได้

หวนกลับมาพิจารณาปัจจัย 4 แห่งการดำรงชีพอันได้แก่ 1. อาหาร 2. เครื่องนุ่งห่ม 3. ที่อยู่อาศัย และ 4. ยารักษาโรค

ความต้องการและมาตรฐานของพื้นฐานแห่งปัจจัย 4 ของการดำรงชีพไม่เท่ากัน ขึ้นกับพื้นฐาน ฐานะทางสังคม รสนิยม การศึกษา ประสบการณ์ ตลอดจนความอยากแสดงออกต่อสาธารณชนตามกาลโอกาสที่แตกต่างกันออกไป และจริตที่ปรุงแต่งดีแล้วจะสำแดงความอยากออกมาในแง่มุมหรือรักษาการอันหนึ่งอันใด

อีกปัจจัยหนึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าปัจจัย 4 ที่กล่าวมาแล้วคือ “เครื่องเคียงของชีวิต” เปรียบดังเครื่องปรุงแต่งชีวิตให้ดีดีตามควรแก่ฐานานุรูปของแต่ละปัจเจกบุคคล อาทิ ความมีสุนทรียะในเรื่องการบริโภคอาหารโดยอ่านอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

รสนิยมอันเลิศวิไลของการแปลงเครื่องนุ่งห่มให้กลายเป็นแฟชั่น การแปลงที่อยู่อาศัยจากปัจจัยพื้นฐานเป็นคฤหาสน์อันโอฬารตลอดจนยารักษาโรคที่แปลงสภาพเป็นยาอายุวัฒนะ ตลอดจนยาบำรุงให้ร่างกายแข็งแรงถึงขนาดมีอายุยืนยาวนานถึง 120 ปีตามหลักชีวเคมี

เครื่องเคียงของชีวิตอาจเป็น “วรรณกรรม” หรือวรรณคดีดี ๆ หรือบทกลอนที่แสนไพเราะ ฟังแล้วราบรื่นหู ชวนให้เกิดจินตนาการ หรือสังคีตนิยมว่าด้วยเครื่องดนตรีของวงดุริยางค์ เพลงลูกทุ่ง เพลงลูกกรุง เพลงคลาสสิก นาฏดนตรี หมอลำ ลิเกไทย ลิเกลาว มหรสพอีกหลากรูปแบบ

ณ ที่นี้อยากนำเสนอความสุนทรียะในแง่ของวรรณกรรม อันจะนำมาซึ่งความผาสุก อาทิ

เศษแก้วซิบาดคม

เศษอารมณ์ซิบาดใจ

เศษรักที่เหลือไว้

ก็บาดใจชั่วนิรันดร์

เป็นอักษรที่แสนจะเรียบง่าย แต่เมื่ออ่านแล้วได้อารมณ์ ในสายตาของวัยรุ่นที่มีอารมณ์ขัน อาจเขียนว่า

อินติเกรทสงสารเป็นทานรัก

อย่าดิฟหักใจหดหมดความหมาย

แม้จะติดค่า “ซี” คงที่ตาย

จงกลับหายกลายเป็นหวงห่วงสำรอง

ถ้ายังไม่สะใจกับอารมณ์ขันที่กล่าวมาแล้ว ลองพิจารณาข้อความต่อไปนี้

แม้ห่างไกลใจยังคิดจิตห่วงหา

แม้ห่างตาคอยเฝ้าเจ้าอยู่ไหน

แม้ห่างตัวแต่มิได้ห่างหัวใจ

แม้ห่างไกลใจยังจำคำสัญญา

สำหรับคนที่ปลงต่อชีวิตอาจชื่นชอบบทกลอนต่อไปนี้ก็เป็นได้

วันพรุ่งนี้อยู่ไกลยังไม่เกิด

ช่างมันเถิดอย่าร้อนใจไปก่อนไข้

วันวานนี้ตายแล้วให้แล้วไป

อย่าเอาใจไปข้องทั้งสองวัน

ถ้าวันนี้สดชื่นระรื่นจิต

อย่าไปคิดหน้าหลังมาคลั่งฝัน

สิ่งที่แล้วแล้วไปให้แล้วกัน

สิ่งที่ฝันไม่มาอย่าอาวรณ์

สำหรับคนที่คิดริษยา น่าจะได้หยุดคิดและใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งเมื่อได้อ่านข้อคิดดังนี้

Never compare, it will make you in vain and bitter.

For there always are greater and lessen than you.

Stick on you plan and satisfy with yourself.

สำหรับบุคคลผู้บูชาความรักและยึดความรักเป็นสรณะควรที่จะให้ทำความเข้าใจ เลือดอำมหิตจากคัมภีร์สุไลมานความว่า

โบราณดั้งเดิมโคลงนี้ว่าไว้

ความรักสูงส่งครอบงำจิตใจ

บุญเหนือวาสนาชะตาพาไป

อย่าเอาอย่างไซร์คนไร้ใจมาน

พิเคราะห์ถ้อยคำในบทกลอนเลือดอำมหิตจากคัมภีร์สุไลมานเท่าใดก็มิอาจเข้าใจความหมายได้เลย เนื่องจากผู้เขียนอาจมีสติปัญญาน้อยจึงไม่สามารถเข้าถึงแก่นแห่งคัมภีร์ดังกล่าวได้ ผู้บังเอิญได้อ่านข้อเขียนนี้อาจมีบุญญาธิการสูงส่งที่จะสามารถสาธยายแก่นแท้แห่งคัมภีร์นี้ได้ และถ้าท่านมีใจเมตตาขอได้โปรดนำเสนอเพื่อเป็นวิทยาทานแด่ผู้ด้อยปัญญาด้วยจักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

สำหรับผู้เขียนแล้วนิยมชมชอบกับบทกลอนต่อไปนี้อย่างมากทีเดียว กล่าวคือ

ทุกข์สุขอยู่ที่ใจมิใช่หรือ

ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ไม่สุกใส

ถ้าไม่ถือก็เป็นสุขไม่ทุกข์ใจ

ท่านอยากได้ความสุขหรือทุกข์เอย

Don’t walk infront of me, I may not follow.

Don’t walk behind, I may not lead.

Just walk beside me and be my friend.

และท้ายที่สุดนี้ขอฝากบทกลอนอันหวานชื่นให้ท่านผู้บังเอิญได้อ่านข้อความนี้ได้นำไปรจนาให้เป็นเครื่องเคียงของชีวิตตลอดไป

Though in the absence,

But still near,

To love and to meet,

And very dear.


ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ

Kalos kagathos

Von Enos Cornelius

Dozent La Sapienza

χουχαατ θαμμαχαροεν

19/4/2011

เครื่องมือส่วนตัว