โรคฉี่หนู
จาก ChulaPedia
โรคฉี่หนู หรือเลพโตสไปโรซิส เรียกสั้น ๆ ว่าเลปโต หนูเป็นตัวการหลักในการแพร่เชื้อจึงทำให้เราเรียกโรคนี้ว่า “โรคฉี่หนู” แต่เชื้อโรคสาเหตุนั้นพบปนอยู่ในปัสสาวะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่นหนู สุนัข แมว โค แพะ แกะ กระบือ ผู้ติดเชื้อโรคนี้ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง น้อยรายที่จะมีอาการรุนแรง แก้ไม่ทันอาจเสียชีวิต อาการแยกยากจากอาการไข้อื่น ๆ แต่ในรายที่รุนแรงมักมีไข้สูง เลือดออกง่าย(คล้ายไข้เลือดออก) ตัวเหลือง ตาเหลือง อาจมีไตอักเสบและเสียชีวิตเพราะไตวายหรือเลือดออกในปอด
เนื้อหา |
สาเหตุของโรคฉี่หนู และการติดต่อ
เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคฉี่หนูเป็นเชื้อแบคทีเรีย จะแสดงอาการในช่วง 4-19 วันหลังรับเชื้อ การติดต่อสู่คนของโรคฉี่หนูเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับปัสสาวะของสัตว์ที่มีเชื้อ หรือสัมผัสโดยอ้อมผ่านทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแหล่งน้ำขัง ที่ชื้นแฉะ เช่นดินโคลนใกล้แหล่งน้ำ น้ำตก แม่น้ำลำคลอง หรือน้ำที่ท่วมขังอยู่หลังอุทกภัย
อาการของโรคฉี่หนู
ระยะแรกคืออาการไข้สูง ปวดศีรษะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่ถ้าไม่มีน้ำมูก ไม่ไอ ไม่เจ็บคอ ก็ควรสงสัยไว้ก่อนว่าจะมีโอกาสติดโรคที่ระบาดในช่วงน้ำท่วม นอกจากนี้ในผู้ที่มีประวัติการเดินย่ำหรือแช่น้ำท่วมขัง ร่วมกับมีอาการดังต่อไปนี้ มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคฉี่หนู ควรเร่งพบแพทย์โดยด่วน ได้แก่
- ภาวะเยื่อบุตาบวมแดงเกิดขึ้นในตาทั้งสองข้างใน 3 วันแรกและนานตั้งแต่ 1-7 วัน อาจมีเลือดออกที่ตาขาวข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้
- ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงมากโดยเฉพาะบริเวณน่อง โคนขา หน้าท้อง กล้ามเนื้อหลังและมีอาการกดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่น่อง
- ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจพบ จุดเลือดออกตามผิวหนัง หรือผื่นเลือดออก หรือเลือดออกใต้เยื่อบุตา หรือมีเสมหะเป็นเลือด
- ผื่น อาจจะพบได้หลายแบบ ผื่นแดงราบ ผื่นแดง ผื่นลมพิษ
- อาการเหลือง อาการเหลืองมักเกิดวันที่4-6 ของโรค
กลุ่มที่มีอาการเหลือง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอันตรายรุนแรง ต้องไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
แนวทางการรักษาโรคฉี่หนู
การรักษาโรคนี้โดยใช้ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย ระยะเวลาในการรักษาประมาณ 5-7 วัน หากหยุดยาก่อนกำหนดอาจทำให้การรักษาล้มเหลวและเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงขึ้นได้ ต้องใช้ยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยาก่อนกำหนด
การป้องกันโรคฉี่หนู
สำหรับกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคฉี่หนู เช่น ผู้ประสบอุทกภัยต้องหมั่นสังเกตุอาการผิดปกติของตนเอง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำสกปรกโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีบาดแผล หากต้องเดินย่ำน้ำที่ท่วมขังควรสวมรองเท้ายาง หลังจากการสัมผัสน้ำสกปรกควรรีบชำระล้างด้วยน้ำสบู่และเช็ดให้ผิวหนังแห้งอยู่เสมอ
รายการอ้างอิง
เอกสารความรู้ "การใช้ยาในโรคที่มากับน้ำท่วม" โดย
- ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เภสัชกรหญิงอภิฤดี เหมะจุฑา
- เภสัชกรหญิงสิรินุช พละภิญโญ
- เภสัชกรกิติยศ ยศสมบัติ