5 ทศวรรษแรกของกาเยส์ดูซีนีมาบนสังเวียนวิจารณ์
จาก ChulaPedia
"สองภาคของมนุษย์ อย่างที่ยุงว่าไว้ไม่ผิด จริง ๆ ขอรับกระผม"
หนังต่อต้านสงครามไม่ควรต้องปีนบันไดดู หากเน้นหนักไปด้านท้ารบทางปัญญาก็เห็นจะผิดวิสัย ไม่ว่าใครได้ใครเสียกับสงคราม แต่ผู้คนก็ใช่ว่าจะเห็นดีเห็นงามกับการทำสงครามไปเสียทุกครั้ง ทั้งนี้ขึ้นกับความสมเหตุสมผล แต่ต่อให้บ้าบิ่นเพียงใดก็ไม่เคยมีเอกชนหน้าไหนริอ่านลุกขึ้นก่อสงคราม บทบาทของพลเมือง-สามัญชนในประวัติศาสตร์การสงครามจึงอยู่ในมิติของวัฒนธรรม และการเป็นนายหน้าค้าสงคราม โดยชูภาพสงครามในฐานะกลไกส่งเสริมความมั่งคั่ง เกียรติภูมิ และแสนยานุภาพ แม้แต่ในยุคปัจจุบัน ก็ยังมีคนบางกลุ่มในสังคมหาประโยชน์จากสงคราม พฤติกรรมป่าเถื่อนของมนุษย์ที่กระทำต่อคู่ปรปักษ์ในสงคราม บวกกับสมมติฐานที่ว่าลำพังความขัดแย้งในการจัดสรรผลประโยชน์ ไม่น่าถึงขนาดชักพาให้คนจับอาวุธเข้าห้ำหั่นกัน แต่ต้องมีพลังแฝงเร้นบางขุมชักใยอยู่เบื้องหลัง คือ สองแหล่งจุดประกายและแรงบันดาลใจให้มีการจับความเป็นไปในแต่ยุทธภูมิขึ้นมาเล่าขาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว หนังต้านสงครามเติบใหญ่จนกลายเป็นแบบแผนขึ้นมาได้ เพราะยึดมั่นในฐานความเชื่อที่ว่าโดยตัวสงครามเองมีแรงผลักดันเชิงโครงสร้างอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่ว่าจะเป็นหนังสงคราม(นิยม) หรือหนังต่อต้านสงคราม ต่างจำต้องอาศัยสถานการณ์สู้รบระหว่างไพร่พลที่ผ่านการฝึกปรือมาเป็นอย่างดีเป็นแหล่งคายประจุความคิดหลัก ข้อนี้เป็นเรื่องที่ต้องยกประโยชน์ในจำเลย จริงอยู่โครงสร้างเหล่านี้ในหนังทั้งสองจำพวกอาจดูเหมือน ๆ กัน แต่การให้ความหมายและโครงสร้างชนิดเดียวกันในหนังต่อต้านสงครามอาจใช้เป็นกระจกฉายส่องวิวัฒนาการและตีกรอบแนวคิดใหม่แก่ความหมายและโครงสร้างของหนังสงคราม(นิยม) ดังนั้น จึงควรเริ่มต้นจากการแยกธาตุหนังสงครามชนิดหลัง
หนังสงครามอาจแบ่งคร่าว ๆ ได้เป็นสองจำพวกใหญ่ กับอีกหนึ่งพวกย่อยอันเป็นลูกผสมของสองจำพวกแรก หนังสงคราม(นิยม)พวกแรก จะเป็นการสดุดีความเสียสละ ความรักชาติ และชัยชนะของวีรชนในหน้าประวัติศาสตร์อันไกลโพ้น หรือภายในชั่วรุ่น รวมถึง ในสถานการณ์ปัจจุบัน ตลอดจนจากสงครามเด่น ๆ ในตำนาน หนังจำพวกนี้ร่ำ ๆ จะก่อตัวเป็นแนวทางอันชัดเจนมานาน หากไม่ติดที่ไฟสงครามตามท้องเรื่องมักยังคุกรุ่น หรือยิ่งหากถึงขั้นยังมีการรบพุ่งกันอยู่ ผู้สร้างงานย่อมไม่อาจนำความอัปลักษณ์ของสงครามมาตีแผ่เพื่อถ่ายทอดความคิดของตนไว้ในตัวงานได้อย่างถนัดถนี่ ขืนทำเช่นนั้นรังแต่จะถูกตราหน้าว่าบ่อนทำลายชาติ หนังสงครามพิมพ์จอห์น เวย์นอันเป็นกลุ่มงานที่เกือบจะแยกไปเป็นหนังหมวดหนึ่งเป็นการเฉพาะได้ นับเป็นตัวอย่างชั้นดีของหนังสงครามจำพวกแรก เวลาเปลี่ยนสำนึกและท่าทีทางการเมืองก็เปลี่ยนไป เมื่อกอปรกับความก้าวไกลของเทคโนโลยีการสร้างภาพยนตร์ หนังสงครามยุคปัจจุบันพลอยมีคุณภาพสูงขึ้นผิดหูผิดตา ดังจะเห็นได้จากภาพการทำศึกในสมรภูมิแห่งความทรงจำเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สองของ Saving Private Ryan อันถือเป็นการพลิกโฉมหนังหน้าสงครามด้วยภาพความวินาศสันตะโร ดุเดือด โหดร้าย อย่างสมจริงที่สุดเท่าที่อิทธิพลของปัจจุบันสมัยจะผลักดันไป ชื่อคำอธิบายลิงก์อ่านต่อ