“หนึ่งในสยาม” บทเพลงสร้างสรรค์
จาก ChulaPedia
บทประพันธ์เพลง “หนึ่งในสยาม” เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช แนวทางการประพันธ์เนื้อร้อง ศึกษาลักษณะการใช้บทกวีนิพนธ์ ถ้อยคำที่ได้ร้อยกรองหรือเรียบเรียง ตามกฏเกณฑ์ที่ได้วางไว้ในฉันทลักษณ์ เนื้อร้องแสดงออกถึงความจงรักภักดี ลักษณะทางดนตรี บทเพลงแบ่งเป็น 3 ช่วง
ช่วงที่ 1 โหมโรง ประพันธ์บทกวีนิพนธ์ประเภทกาพย์ฉบัง 16 ใช้เป็นบทสดุดี โดยอ่านบทกวีนิพนธ์ไปพร้อมกับวงออร์เคสตรา
และเป็นการนำเสนอทำนองหลัก สร้างจากบันไดเสียงเพนตาโทนิก (Pentatonic Scale) เรียกทำนองนี้ว่า “ทำนองถวายพระพร” ลักษณะทำนองที่ฟังไม่ซับซ้อนและความรู้สึกแบบไทย เพื่อเทิดพระเกียรติองค์พระมหากษัตริย์ของไทย
ตัวอย่างการบรรเลงทำนองถวายพระพรพร้อมกัน โดยกลุ่มเครื่องลมทองเหลือง เครื่องสายและเครื่องลมไม้
ช่วงที่ 2 ดนตรีสี่ภาค นำแนวคิดและท่วงทำนองบางส่วนของเพลงพื้นบ้านสี่ภาคมาประยุกต์ใช้และนำลักษณะการบรรเลงเครื่องดนตรีพื้นบ้านมาให้เครื่องดนตรีตะวันตกบรรเลง ช่วงดนตรีในแต่ละภาค ดังนี้
ภาคกลาง เลือกทำนองในท่อนสร้อยของเพลงเรือมาประยุกต์ใช้เป็นทำนองภาคกลาง
ภาคเหนือ แนวทำนองมาจากลักษณะการตีกลอง เรียกว่า “กลองตึ่งนง” การตีกลองจังหวะที่เป็นการสอดรับกันระหว่างกลองกับฉาบ และนำมาประยุกต์ใช้กับเครื่องดนตรีตะวันตก
และนำทำนองเพลงฤาษีหลงถ้ำมาใช้ในบางช่วง เพื่อสื่อถึงความเป็นดนตรีภาคเหนือมากขึ้น
ตัวอย่างทำนองเพลงฤาษีหลงถ้ำ บรรเลงแนวเสียงฟลูต โอโบ คลาริเน็ต
ภาคอีสาน นำลักษณะของเสียงที่เกิดจากการเป่าแคน มาดัดแปลงให้กับเครื่องดนตรีตะวันตกบรรเลงแนวเสียงเครื่องสายด้วยวิธีการดีดสาย จังหวะมีลักษณะเป็นโน้ตเขบ็ตหนึ่งชั้น ประจุดและเว้นเสียงด้วยโน้ตตัวหยุดเขบ็ตสองชั้น ทำให้มีช่องว่างของเสียงคล้ายกับจังหวะการใช้ลมในการเป่าแคน บรรเลงแนวเสียงฟลูต คลาริเน็ต โอโบ บาสซูน
ภาคใต้ ทำนองดัดแปลงมาจากการบรรเลงฆ้องคู่ โดยใช้ลักษณะเสียงของฆ้องคู่ ช่วงขึ้นต้นบรรเลงแนวเสียงไวบราโฟน
และใช้เทคนิคการคัดทำนอง โดยนำทำนองบางส่วนของเพลงหนังตะลุง-ตันหยง มาสร้างทำนองบางช่วงของเพลง สื่อถึงความเป็นภาคใต้มากขึ้น บรรเลงแนวเสียงฟลูต คลาริเน็ต ไวโอลินหนึ่ง ไวโอลินสอง
ช่วงที่ 3 บทส่งท้าย ทำนองประยุกต์มาจากการเป่าแตรของทหารในพิธีสวนสนาม ทำนองมีการกระโดดของเสียงแบบโน้ตอาร์เปโจ (Arpeggio) ให้ความรู้สึกเข้มแข็ง สง่างามและมีพลัง บรรเลงแนวเสียงทรัมเป็ต
ช่วงสุดท้ายขับร้องประสานเสียง เนื้อร้องกล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และเป็นการถวายพระพร
แนวดนตรีกำหนดให้มีอารมณ์เพลงที่เบาลงและนุ่มนวล เพื่อสื่อถึงความซาบซึ้งและความภาคภูมิใจที่มีต่อพระองค์
ผู้แต่ง:นางถาวรดา จันทนะสุต รหัสนิสิต นิสิตหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะศิลปกรรมศาสตร์