“กรุณา” “หน่อย”: ที่มาของคำแสดงการขอร้องในภาษาไทย
จาก ChulaPedia
ผู้วิจัย: นางสาวนพวรรณ เมืองแก้ว อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์: อาจารย์ ดร.วิภาส โพธิแพทย์
“กรุณาส่งเอกสารด้านหน้าค่ะ” “ขอลางานหน่อยนะครับ” ประโยคขอร้องดังกล่าว มีโครงสร้างเป็นประโยคคำสั่งที่มีการเติมคำว่า “กรุณา” ไว้ข้างหน้าและเติมคำว่า “หน่อย”ไว้ข้างท้ายประโยค เพื่อทำให้เกิดความหมายขอร้องอย่างสุภาพ คำทั้งสองมีความหมายประจำคำที่แตกต่างกัน เมื่อผู้ใช้ภาษานำคำเหล่านี้มาช่วยเสริมการขอร้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากคำที่มีเพียงความหมายประจำคำ (lexical meaning) ได้แก่ คำกริยา “กรุณา” หมายถึง สงสารคิดช่วยเหลือ และคำบอกปริมาณ “หน่อย” หมายถึง น้อย กลายมาเป็นคำที่มีความหมายทางไวยากรณ์ (grammatical meaning) คือ ใช้เป็นคำแสดงการขอร้อง (requestive marker) ด้วย
ในภาษาไทยปัจจุบันคำทั้งสอง ปรากฏใช้ 2 หน้าที่ ได้แก่ คำว่า “กรุณา” เป็นได้ทั้งคำกริยาและคำแสดงการขอร้อง และคำว่า “หน่อย” เป็นได้ทั้งคำบอกปริมาณและคำแสดงการขอร้อง เกณฑ์ที่ใช้จำแนก ได้แก่ เกณฑ์ทางวากยสัมพันธ์ เช่น “กรุณา” ที่เป็นคำแสดงการขอร้องมักจะไม่ปรากฏร่วมกับประธานในประโยค เช่น “กรุณาถอดรองเท้าก่อนเข้าห้อง” ในขณะที่ “กรุณา” ที่เป็นคำกริยามักจะปรากฏร่วมกับประธานในประโยค เช่น “คุณลุงกรุณาขับรถมาส่งฉัน” และเกณฑ์ทางอรรถศาสตร์ เช่น “หน่อย” ที่เป็นคำแสดงการขอร้องแทนที่ด้วยคำว่า “มาก” ไม่ได้ เช่น “พาเรากลับบ้านหน่อย” เป็น “*พาเรากลับบ้านมาก” ไม่ได้ ในขณะที่ “หน่อย” ที่เป็นคำบอกปริมาณแทนที่ด้วยคำว่า “มาก” ได้ เช่น “ตอนนี้สบายขึ้นหน่อย” เป็น “ตอนนี้สบายขึ้นมาก” ได้
ปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นให้คำทั้งสองกลายเป็นคำแสดงการขอร้อง ได้แก่ ปัจจัยทางวากยสัมพันธ์ เนื่องจากประโยคในภาษาไทยอนุญาตให้คำกริยาเกิดเรียงต่อกันได้ คำว่า “กรุณา” ที่เป็นคำแสดงการขอร้องจึงน่าจะพัฒนามาจากประโยคที่มีคำว่า “กรุณา” เป็นคำกริยาหลักปรากฏหน้าคำกริยาตัวอื่นๆ เรียงต่อกันในประโยค และปัจจัยทางอรรถศาสตร์ เช่น ความหมายประจำคำของคำบอกปริมาณ “หน่อย” มีความหมายแสดงปริมาณน้อย จึงทำให้ผู้พูดเลือกใช้ความหมายนี้เพื่อสื่อไปยังผู้ฟังว่า การขอร้องเป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่เป็นภาระหรือสร้างความลำบากให้แก่ผู้ฟัง
การกลายเป็นคำไวยากรณ์ครั้งนี้ผ่านกระบวนการทางภาษาที่สำคัญ เช่น กระบวนการสูญคุณสมบัติของหมวดคำเดิม เช่น คำกริยา “กรุณา” มีคุณสมบัติสำคัญคือ มีคำวิเศษณ์มาขยายได้ เช่น “คุณตาของเธอกรุณาฉันมาก” แต่เมื่อ “กรุณา” กลายเป็นคำแสดงการขอร้องจะมีคำวิเศษณ์มาขยายไม่ได้ เช่น "กรุณางดสูบบุหรี่มาก" กระบวนการจางลงทางความหมาย และกระบวนการคงเค้าความหมายเดิม เช่น ความหมายของคำกริยา “กรุณา” ซึ่งมีความหมายแสดงความสงสาร ความเสียสละและบุญคุณได้หายไป เหลือเพียงเค้าความหมายของความสงสารคิดช่วยเหลือ และมีความหมายของการสั่งอย่างสุภาพเพิ่มเข้ามาแทน ความหมายของคำบอกปริมาณ "หน่อย" ซึ่งมีความหมายแสดงปริมาณน้อยของสิ่งที่ระบุปริมาณได้ชัดเจน เช่น ความยาวของผม "ผมฉันยาวกว่าเธอหน่อยนึง" ได้หายไป เหลือเพียงเค้าความหมายปริมาณน้อยของสิ่งที่ระบุปริมาณไม่ได้คือ ปริมาณของเรื่องที่ขอร้อง เช่น "สระผมให้ลูกค้าหน่อย" การสระผมระบุปริมาณมากน้อยไม่ได้ และยังมีความหมายของการสั่งอย่างสุภาพเพิ่มเข้ามาแทน
อ้างอิง
- นพวรรณ เมืองแก้ว. 2556. คำแสดงการขอร้องในภาษาไทย: การศึกษาตามแนวทฤษฎีการกลายเป็นคำไวยากรณ์. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.