เราคือลูกของแม่พระธรณี
จาก ChulaPedia
ล |
ล |
||
แถว 1: | แถว 1: | ||
- | |||
ผลพวงของการประกาศอิสรภาพจากการจัดจำแนกสายพันธุ์อันจำเจอยู่เพียง"เรื่องแต่ง(narrative)" หรือ "สารคดี(documentary)" ปฏิบัติการดั้นด้นค้นหาพิภพใหม่ทางภาพยนตร์จึงเกิดขึ้น | ผลพวงของการประกาศอิสรภาพจากการจัดจำแนกสายพันธุ์อันจำเจอยู่เพียง"เรื่องแต่ง(narrative)" หรือ "สารคดี(documentary)" ปฏิบัติการดั้นด้นค้นหาพิภพใหม่ทางภาพยนตร์จึงเกิดขึ้น | ||
แถว 5: | แถว 4: | ||
การเลี่ยงไปใช้นิยามอื่นเช่น เรื่องจริง(reality)ก็ใช่ว่าจะถอดชนวนปัญหาได้ราบคาบ แม้ว่าการฉายความเป็นจริงด้วยอารมณ์พาซื่อพลั้งปากจะถือเป็นทีเด็ดของหนังเหล่านี้ ในเมื่อประเด็นที่อยากจะจับให้มั่นคั้นให้ตายแตะต้องได้เพียงการตั้งแง่เหล่เขม้น สาระสำคัญของหนังเหล่านี้จึงเป็นการเปรยออกมาเท่าที่ยลยิน เถรตรงและถ่องแท้ และก็ไม่ใช่เรื่องจริงผักชีโรยหน้า(pre-arranged nonfiction)อันชวนตะขิดตะขวงใจอย่าง Nanook of the North งานดึกดำบรรพ์เมื่อค.ศ.1922 ของโรเบิร์ต ฟลาเฮอร์ตี(Robert Flaherty) | การเลี่ยงไปใช้นิยามอื่นเช่น เรื่องจริง(reality)ก็ใช่ว่าจะถอดชนวนปัญหาได้ราบคาบ แม้ว่าการฉายความเป็นจริงด้วยอารมณ์พาซื่อพลั้งปากจะถือเป็นทีเด็ดของหนังเหล่านี้ ในเมื่อประเด็นที่อยากจะจับให้มั่นคั้นให้ตายแตะต้องได้เพียงการตั้งแง่เหล่เขม้น สาระสำคัญของหนังเหล่านี้จึงเป็นการเปรยออกมาเท่าที่ยลยิน เถรตรงและถ่องแท้ และก็ไม่ใช่เรื่องจริงผักชีโรยหน้า(pre-arranged nonfiction)อันชวนตะขิดตะขวงใจอย่าง Nanook of the North งานดึกดำบรรพ์เมื่อค.ศ.1922 ของโรเบิร์ต ฟลาเฮอร์ตี(Robert Flaherty) | ||
- | จะเป็นไรไปหากถือเสียว่าความเป็นจริงนั้นไร้จุดมุ่งหมาย | + | จะเป็นไรไปหากถือเสียว่าความเป็นจริงนั้นไร้จุดมุ่งหมาย และในการสังเกตการณ์สังคมตามหลักวิทยาศาสตร์ก็พึงสังวรณ์คติของไฮเซนเบิร์ก(the Heisenbergian notion)ที่ว่า การใดเป็นจริงได้ย่อมมาจากสังเกตการณ์ ผิดจากนี้ล้วนมีโอกาสปนเปื้อนอัตวิสัยอันแฝงด้วยเจตนาอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ สุญญากาศของภาพยนตร์กับอภาพยนตร์หรือกล่าวให้แคบเข้าคือพื้นที่รกร้างหลงหูหลงตาจากอาณัติข้อเท็จจริงอันหยาบกระด้างและเรื่องแต่งอันประณีตคือแหล่งซ่องสุมความเป็นไปได้บ้าบอคอแตกสารพัดขนาน |
มาเริ่มต้นด้วยหัวหอกแห่งการปฏิวัติวงการ La Libertad งานค.ศ.2001 ของลิซานโดร อลอนโซ(Lisandro Alonso) เนื้อหาของหนังที่เป็นทั้งสารคดีและเล่าเรื่องของคนตัดฟืนชื่อมิซาเอล(Misael)พาคนดูมุดเข้าไปขลุกในหวอดลับแลแทรกอยู่ในภาวะคาบลูกคาบดอกในความเป็นหนัง | มาเริ่มต้นด้วยหัวหอกแห่งการปฏิวัติวงการ La Libertad งานค.ศ.2001 ของลิซานโดร อลอนโซ(Lisandro Alonso) เนื้อหาของหนังที่เป็นทั้งสารคดีและเล่าเรื่องของคนตัดฟืนชื่อมิซาเอล(Misael)พาคนดูมุดเข้าไปขลุกในหวอดลับแลแทรกอยู่ในภาวะคาบลูกคาบดอกในความเป็นหนัง |
การปรับปรุง เมื่อ 01:58, 7 กันยายน 2555
ผลพวงของการประกาศอิสรภาพจากการจัดจำแนกสายพันธุ์อันจำเจอยู่เพียง"เรื่องแต่ง(narrative)" หรือ "สารคดี(documentary)" ปฏิบัติการดั้นด้นค้นหาพิภพใหม่ทางภาพยนตร์จึงเกิดขึ้น
การเลี่ยงไปใช้นิยามอื่นเช่น เรื่องจริง(reality)ก็ใช่ว่าจะถอดชนวนปัญหาได้ราบคาบ แม้ว่าการฉายความเป็นจริงด้วยอารมณ์พาซื่อพลั้งปากจะถือเป็นทีเด็ดของหนังเหล่านี้ ในเมื่อประเด็นที่อยากจะจับให้มั่นคั้นให้ตายแตะต้องได้เพียงการตั้งแง่เหล่เขม้น สาระสำคัญของหนังเหล่านี้จึงเป็นการเปรยออกมาเท่าที่ยลยิน เถรตรงและถ่องแท้ และก็ไม่ใช่เรื่องจริงผักชีโรยหน้า(pre-arranged nonfiction)อันชวนตะขิดตะขวงใจอย่าง Nanook of the North งานดึกดำบรรพ์เมื่อค.ศ.1922 ของโรเบิร์ต ฟลาเฮอร์ตี(Robert Flaherty)
จะเป็นไรไปหากถือเสียว่าความเป็นจริงนั้นไร้จุดมุ่งหมาย และในการสังเกตการณ์สังคมตามหลักวิทยาศาสตร์ก็พึงสังวรณ์คติของไฮเซนเบิร์ก(the Heisenbergian notion)ที่ว่า การใดเป็นจริงได้ย่อมมาจากสังเกตการณ์ ผิดจากนี้ล้วนมีโอกาสปนเปื้อนอัตวิสัยอันแฝงด้วยเจตนาอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ สุญญากาศของภาพยนตร์กับอภาพยนตร์หรือกล่าวให้แคบเข้าคือพื้นที่รกร้างหลงหูหลงตาจากอาณัติข้อเท็จจริงอันหยาบกระด้างและเรื่องแต่งอันประณีตคือแหล่งซ่องสุมความเป็นไปได้บ้าบอคอแตกสารพัดขนาน
มาเริ่มต้นด้วยหัวหอกแห่งการปฏิวัติวงการ La Libertad งานค.ศ.2001 ของลิซานโดร อลอนโซ(Lisandro Alonso) เนื้อหาของหนังที่เป็นทั้งสารคดีและเล่าเรื่องของคนตัดฟืนชื่อมิซาเอล(Misael)พาคนดูมุดเข้าไปขลุกในหวอดลับแลแทรกอยู่ในภาวะคาบลูกคาบดอกในความเป็นหนัง
แนวโน้มดังกล่าวเป็นผลพลอยได้จากสำนึกเลยเถิด(hyperconsciousness)ร่วมต่อหนังและอิทธิพลของหนังและคนทำหนังก็เริ่มตระหนักว่าเล่ห์กลของพวกตนคงหลอกคนดูได้อีกไม่กี่น้ำ จึงต้องวิจิตรบรรจงเป็นพิเศษ
ไม่ว่า่จะเข้าท่าหรือรนหาที่ แม่บทการผลิตงานดังกล่าวก็ฉุดกระชากหนังไถลออกจากปริมณฑลของสารคดีไปเข้าทางงานแนวประโลมโลกย์ก่อนจะเหวี่ยงกลับเข้าที่เดิมอีกที ยกตัวอย่างเช่นงานในค.ศ.2007 ของโฆเซ หลุยส์ ตอร์เรส เลวา(Jose Luis Torres Leiva)เรื่อง The Time That Rests(ต่อยอดงานของเฟรดริก ไวส์แมน(Fredrick Wiseman)ด้วยปณิธานกวี) The Session Is Open(หนังว่าความหักหาญความรู้สึกที่ไม่มีพระ-นาง) งาน ค.ศ.2006 ของ วินเซ็นโซ มาร์รา(Vincenzo Marra) และ The Ghost of Cite Soleil งานค.ศ.2006 ของเอสเกอร์ เล็ธ(Asger Leth) หนังสัจนิยมเพื่อสังคมแนวกำปั้นทุบดินแปลงร่างเป็นเศษหนังข่าวโฆษณาชวนเชื่อของไวคลิฟ ฌ็อง(Wyclef Jean)ในพริบตา ดาวโรจน์ในชั่วไม่กี่ปีหลังมานี้ต้องยกให้ภาพยนตร์ประเภทสรรหาและคลุกคลีอยู่กับกิจกรรม ณ พื้นผิวปฐพีของมนุษย์ อ่านทั้งหมด
จักริน วิภาสวัชรโยธิน